วันนี้ (11 มิถุนายน) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี สุชาติ ชมกลิ่น สส. บัญชีรายชื่อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่า เอกนัฏโทรศัพท์มาให้ช่วยขอให้จับมือกันขับหัวหน้าพรรคออกไป แล้วจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเอง
เอกนัฏกล่าวว่า “กลับกันนิดเดียวไม่คิดบ้างหรือว่า เพื่อนเขามาพูดแล้วผมปฏิเสธ แต่ใจผมอยากจะโทรไปเพื่อบอกเขาว่า เราไม่น่าจะมีอะไรบาดหมางใจกัน อยากให้รู้สึกถึงวันดีๆ ที่ทำพรรคกันมาจะสู้หรือทำอะไรก็ขอให้อยู่ในกติกา อย่าทำร้ายเพื่อน อย่าทำร้ายพรรค ผมพอเข้าใจอยู่ว่าเขาต้องการอะไร”
เอกนัฏกล่าวอีกว่า หากสุชาติยังมีความปรารถนาดีต่อพรรคก็น่าจะคุยกันได้ แต่พอถึงขั้นไม่รับสายโทรศัพท์ ไม่โทรกลับจะให้โทรไปเรื่อยๆ ก็คงไม่ได้ เพราะส่วนตัวก็มีความอายเช่นกัน
“เรื่องที่บอกว่าปลดหัวหน้าไม่เป็นความจริง ต้องไปถามเพื่อนเขาว่ารายงานให้ฟังถูกต้องหรือเปล่า หรือพูดเอาใจคุณสุชาติหรือเปล่า หรือคุณสุชาติฟังมาแล้วไม่พูดความจริง” เอกนัฏกล่าว
เอกนัฏกล่าวต่อด้วยว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับ สส.ในพรรค ทุกคนที่ติดต่อได้ก็บอกว่า มันไม่มีอะไร ยังรักกันดี ไม่มีเรื่องย้ายพรรค เขาอาจจะแค่บ่นกันอาจจะมีนินทาเลขาฯ และหัวหน้าพรรคบ้าง ก็เป็นเรื่องที่รับฟังได้
“ผมพูดความจริงก็ได้ เพื่อนเขามาชวนเอง ถามว่าเลขาฯขิง คุยกันรู้เรื่องทำไมไม่ขึ้นเป็นหัวหน้าเลย ให้พี่เฮ้งมาเป็นเลขาฯพรรค เคยมาชวนผมแบบนี้ แต่ถูกผมปฏิเสธไปแล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีความพยายามทำให้หัวหน้ากับเลขาฯแตกแยกกัน”
เมื่อถามถึงลายเซ็น สส. ที่ปรากฏในเอกสารว่าเป็นของจริงหรือไม่ เอกนัฏกล่าวย้ำว่า หลายคนบอกว่า ไม่เคยเซ็นรับรองในจดหมายที่มีเนื้อหาสาระแบบนั้น แม้แต่สุชาติเอง ไม่แน่ใจว่าได้อ่านจดหมายหรือไม่ เพราะเป็นการกล่าวหาว่ารัฐมนตรีของพรรคขาดจริยธรรม ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ ไม่สุจริต เขาก็เป็นรัฐมนตรีของพรรค การเซ็นชื่อเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการเซ็นกล่าวหาตัวเอง ซึ่งผิดปกติที่สุชาติจะไปเซ็นรับรองว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า หลังจากนี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะดำเนินการอย่างไร เอกนัฏกล่าวว่า เราตั้งสติดีๆ มีธรรมะในใจ ต้องถามว่าในที่สุดเราทำการเมืองไปเพื่ออะไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญต้องมีความซื่อสัตย์ต่อคนที่เขาเลือกเรามา ความศรัทธาเป็นคำใหญ่ แต่ต้องขอพูด เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างศรัทธาให้กับประชาชนที่เลือกเรามา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องตั้งหลักให้ดี อย่าไปวุ่นวายกับมัน รักษาจุดยืนให้มั่น เดินตามแนวทางที่เคยกำหนดไว้
“ถ้าเขากล่าวหาว่าผมเข้าร่วมกระบวนการ หวังล้มหัวหน้า จ้องยึดพรรค ทำร้ายพรรค คำกล่าวหาอาจจะเป็นจริงก็ได้ แต่ผมไม่ออกมาพูดอะไร แต่นี่ผมหยุดงานทุกอย่างเพื่อมาไล่ชี้แจงตั้งแต่เช้าจนเย็น ไปตอบโต้ในสิ่งที่ไม่อยากจะพูดด้วยซ้ำ และก็เบื่อกับเรื่องนี้มาก ถ้าผมจะร่วมขบวนการแบบนั้นจริง ผมจะมาเสียเวลามาพูดต่อสาธารณะทำไม” เอกนัฏกล่าว
