หากไม่นับ ZEN ที่ถือเป็นพระเอกของเซ็น กรุ๊ป ด้วยจำนวน 47 สาขา กับรายได้หลักพันล้านบาทแล้ว สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือการขยาย ‘AKA’ ที่กำลังจะฉีกออกนอกทำเลศูนย์การค้า ขยายใหญ่ไปสู่ไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Lotus’s-Big C ที่ตั้งเป้าขยายให้ได้ 100 สาขา
ปี 2565 เซ็น กรุ๊ป ขยาย AKA ในจำนวน 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเป็น 42 สาขา โดยทำรายได้ราว 900 ล้านบาท ปีนี้วางแผนขยายอีก 15-20 สาขาด้วยกัน
การขยายสาขาอย่างรวดเร็วของ AKA มามองทำเลใหม่อย่างไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีกว่า 500 สาขาในประเทศไทย ขณะที่ผ่านมามักจะเปิดในศูนย์การค้าเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดที่น้อยกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ตลาดอาหารปิ้งย่าง เล็กไปแล้ว AKA แตกแบรนด์น้องใหม่ ‘AKA SHABU’ บุกตลาดชาบู 2.3 หมื่นล้าน
- ZEN – 4Q65: กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดตามคาด
- CRG ส่ง ‘นักล่าหมูกระทะ’ ชิมลางตลาดปิ้งย่าง! เน้นขยายในห้าง เคาะขายเป็นชุดเริ่มที่ 279 บาท ปีนี้วางแผนขยายอีก 4 สาขา
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขยายความว่า เหตุผลที่ไปในไฮเปอร์มาร์เก็ต เพราะมีพื้นที่ของร้านอาหารน้อย ทำให้การแข่งขันน้อยลงไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนได้จาก KFC ที่สามารถขยายไปได้อย่างรวดเร็ว
อีกเหตุผลคือค่าเช่าที่ถูกกว่า ซึ่งหากเทียบต่อตารางเมตรจะพบว่า ราคาห่างกันกว่า 50% ด้วยกัน ขณะเดียวกันยังทำให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่มนักศึกษาและวัยทำงานได้มากขึ้นด้วย
“สมัยก่อนการขยายสาขาจะต้องมองทำเลเป็นหลัก ทำให้ยิ่งทำเลดีค่าเช่ายิ่งแพง แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นเลย ใจความสำคัญอยู่ที่การสื่อสาร หากเราสามารถสร้างการสื่อสารที่ดีได้ ก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น”
ปัจจุบันเซ็น กรุ๊ป มี 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร, ธุรกิจแฟรนไชส์, ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจอาหารค้าปลีก รวมทั้งส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่
“ปีที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจเติบโตกว่า 51% ชูรายได้รวม 3,413 ล้านบาท กำไร 154 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะสามารถขยับยอดขายรวมเป็น 4,500 ล้านบาท”
ธุรกิจร้านอาหารถือได้ว่าเป็นธุรกิจหลักของเซ็น กรุ๊ป สัดส่วนกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมด ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ รวมแล้ว 345 สาขา ทิศทางในปีนี้จะขยายอีก 90 สาขา ทั้งลงทุนเองและแฟรนไชส์ โดยจะเน้นการทำรายได้และกำไรของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงการทำการตลาดที่เผ็ดร้อน สร้างกระแสที่สนุกสนานให้กับวงการตลอดทั้งปี
ด้านแฟรนไชส์ได้เตรียมแผนขยายฐานลูกค้าใหม่และมองหาตลาดใหม่ ผลักดันแบรนด์ตำมั่วและเขียง บุกหนักสร้างความแข็งแกร่งกับตลาดหลักในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ไทย, มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม และ สปป.ลาว ทั้งยังสร้างโอกาสในการเติบโตกับตลาดใหม่ให้ครอบคลุมประเทศในภูมิภาคเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2566 จะสามารถต่อยอดให้ธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกส่วนคือการมุ่งเน้นเรื่องการขายวัตถุดิบให้แฟรนไชส์ เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันให้เกิดขึ้นในทุกสาขาด้วย
“ปีนี้สัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจในเครือเซ็น กรุ๊ป จะแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร 74% ธุรกิจแฟรนไชส์ 7% ธุรกิจอาหารค้าปลีก 13% ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ 6% เชื่อมั่นว่าการเปิดเกมรุกการทำการตลาดรอบด้านในปีนี้จะส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง แตะเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน” แม่ทัพเซ็น กรุ๊ป กล่าว