×

รีวิว AirPods Pro หูฟังไร้สายตัวท็อปจาก Apple คนไม่ ‘อิน’ อินเอียร์ใช้ได้ไหม พร้อมเทียบ Powerbeats Pro

20.11.2019
  • LOADING...
AirPods Pro

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • AirPods Pro คือหูฟังไร้สายระดับพรีเมียมตัวล่าสุดที่ Apple เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จุดเด่นคือดีไซน์ที่หันมาใช้อินเอียร์เพื่อช่วยเพิ่มความกระชับเข้ากับหู และระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก
  • ความรู้สึกหลังการใช้งานหนึ่งสัปดาห์พบว่า ข้อดีของ AirPods Pro คือระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกและโหมดฟังเสียงภายนอกที่สามารถสลับโหมดการทำงานได้อย่างลื่นไหลและทำงานได้ดีมาก แต่ราคายังเป็นอุปสรรค
  • Powerbeats Pro หูฟังในตระกูล Beats แบรนด์ในเครือของ Apple เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าสนใจที่เน้นเจาะกลุ่มพรีเมียม โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการออกกำลังกาย เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

จำได้ว่าเมื่อตอนปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ Apple ได้เปิดตัวหูฟังไร้สายอินเอียร์ตัวท็อปโมเดลล่าสุดอย่าง ‘AirPods Pro’ แบบไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัวหรือเตรียมเก็บเงิน กระแสส่วนใหญ่ที่เราเห็นคือการที่หลายคนแทบจะพร้อมใจกันบ่นอุบเป็นเสียงเดียวกันว่าดีไซน์ของมันดู ‘ไม่เวิร์ก’ เท่าที่ควร

 

บ้างก็พากันล้อว่าหน้าตาของมันดูจะละม้ายคล้ายเจ้าตัวยิงถั่ว ‘Peashooter’ ที่หลุดออกมาจากซีรีส์เกมยอดฮิต Plants vs. Zombies 

 

ยิ่งเมื่อดูจากราคาเปิดตัวที่ 9,490 บาทที่แพงกว่าราคาเปิดตัว AirPods เจน 2 หรือโมเดลก่อนหน้า (ราคาเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2019 อยู่ที่ 6,500 บาท) ก็ต้องยอมรับว่า AirPods Pro คือหูฟังไร้สายระดับพรีเมียมของ Apple ที่ราคาก็โหดเอาเรื่องตามไปด้วยจริงๆ

 

และนี่คือความรู้สึกส่วนหนึ่งหลังจากที่เรามีโอกาสได้ทดลองใช้งานจริงเจ้า AirPods Pro ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน รวมถึงการลองพาไปลุยสนามฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร ที่ขอแอบกระซิบไว้ว่า ‘ดีกว่าที่คิด’ พอสมควร

 

AirPods Pro

 

AirPods Pro จุดเด่นคือระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกที่ดีงาม กระชับหูมาก

จุดขายสำคัญของ AirPods Pro คือการเป็นหูฟังไร้สายระดับพรีเมียมแบบอินเอียร์ตัวแรกในโมเดล AirPods ของ Apple ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด (ไม่นับรวมกับซีรีส์ Powerbeats Pro) 

 

โดยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็กทีฟที่มีใน AirPods Pro รองรับการใช้งานใน 3 โหมดหลักๆ คือ ปิดเสียงรบกวนภายนอก (Noise Cancellation), โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode) และโหมดปกติ (Off ใช้งานเป็นหูฟังอินเอียร์ธรรมดา)

 

การเปลี่ยนโหมดสามารถทำได้ 2 วิธีคือ การบีบที่ตัวก้านหูฟังที่มี ‘Force Sensor’ ค้างไว้จนได้ยินเสียง Beep ใน AirPods Pro ดังขึ้นหนึ่งครั้ง และถ้าต้องการสลับไปใช้อีกโหมดก็ให้บีบก้านหูฟังค้างไว้อีกครั้งจนมีเสียงดังขึ้นมา 

 

AirPods Pro

 

ส่วนอีกวิธีคือการลากแผง Control Center ที่หน้าจอ iPhone แล้วกดค้างที่ไอคอน AirPods Pro ค้างไว้เพื่อเลือกสลับโหมด หรือจะตั้งค่าในหน้าเชื่อมต่ออุปกรณ์บลูทูธโดยตรงก็ทำได้เหมือนกัน

 

พอมาใช้งานจริงแล้วเราพบว่าระบบตัดเสียงรบกวนของ AirPods Pro ทำออกมาได้ประทับใจมาก เมื่อเปิดใช้งานพร้อมๆ กับการฟังเพลง แทบจะไม่ได้ยินเสียงภายนอกเลย เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือคนที่ต้องการสมาธิกับการทำงาน แต่ถ้าหยุดเพลงก็ถือว่ายังได้ยินเสียงภายนอกอยู่ ‘บ้าง’ ในระดับที่พอเข้าใจได้ว่า Apple กังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ในการเดินตามท้องถนน

 

โหมดฟังเสียงภายนอกถูกออกแบบการทำงานโดยใช้ไมค์ตัวนอกของหูฟังในการรับเสียงภายนอกเข้ามาให้เราได้ยิน แล้วหักล้างการป้องกันเสียงภายนอกที่เกิดจากจุกซิลิโคนโดยใช้ไมค์ตัวใน ซึ่งน่าจะเวิร์กมากๆ กับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า (รู้ว่าสถานีต่อไปคือสถานีใด)

 

จุดติเล็กน้อยของเราคือ พอมีไมค์ตัวข้างนอกด้วย เลยแอบรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนที่ประสาทหูไวต่อเสียง Ambient รบกวนรอบตัวไปโดยทันที เช่น ได้ยินเสียงลม เสียงคนคุยกันจอแจชัดเจนกว่าปกติ เป็นต้น

 

ส่วนคุณภาพเสียง ส่วนตัวรู้สึกว่าดีขึ้นจากหูฟัง AirPods ทั้งสองเจนแรกอย่างเห็นได้ชัด เบสแน่นขึ้นแต่ก็ไม่รู้สึก ‘แน่นตึ้บ’ จนเกินไป (ตัวหูฟังใช้ไดร์เวอร์แบบ High-excursion) ซึ่งโดยรวมถือว่าให้ผ่าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รสเสียงที่แต่ละคนชื่นชอบอาจจะแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเพื่อความชัวร์ เราแนะนำให้ลองไปสัมผัสของจริงที่สโตร์ หรือจะลองหยิบยืมของเพื่อนมาลองดูก่อนก็ดี

 

ลืมบอกไปว่า พอ Apple เปลี่ยนดีไซน์ของ AirPods Pro ให้มีรูปทรงที่กะทัดรัดและลีนมากขึ้น พวกเขาจึงต้องใส่เจ้า Force Sensor มาไว้ที่ก้านหูฟังแทน ทำให้ก่อนหน้านี้ที่เราเคยควบคุมการใช้งาน AirPods ด้วยการแตะ 1-3 ครั้ง หรือกดค้างเพื่อใช้ชุดคำสั่งต่างๆ ตอนนี้การใช้งานทั้งหมดจะเปลี่ยนไปแล้ว

AirPods Pro

ส่วนข้อมูลสเปกทั่วไปของ AirPods Pro มาพร้อมกับชิป H1 (แบบเดียวกันกับที่ใช้ใน AirPods เจน 2) และ Adaptive EQ ที่สามารถปรับความเหมาะสมของความถี่เสียงตามประเภทการใช้งานได้แบบอัตโนมัติ ทนเหงื่อและน้ำ IPX4 ตัวจุกซิลิโคนมีให้เลือก 3 ขนาดคือ ใหญ่ กลาง และเล็ก ส่วนตัวเคสเป็นแบบชาร์จไร้สาย (มาตรฐาน Qi) พร้อมพอร์ต Lightning

 

การใช้งานต่อเนื่องที่เราใช้ฟังเพลงสลับกับเสียบทิ้งเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนภายนอกไว้ด้วยสามารถใช้ได้สูงสุดประมาณ 5 ชั่วโมงบวกลบนิดๆ ตามที่ทาง Apple เคลมเอาไว้เลย

 

AirPods Pro

 

ดีไซน์ไม่แย่อย่างที่คิด แต่ราคาและชาติกำเนิด ‘อินเอียร์’ อาจทำให้คนลังเล

เอาเข้าจริงเราพบว่ายิ่งใช้งานนานวันเท่าไรก็ยิ่งมองว่าดีไซน์ AirPods Pro ลงตัวและดูดีงามสมราคากว่าตอนที่ Apple เปิดตัว AirPods เจนแรกออกมาในปี 2016 แล้วคนพากันแซวว่าเป็นหูฟัง EarPods ที่สายขาดด้วยซ้ำไป

 

ยิ่งเป็นอินเอียร์ที่ตัวก้านหูฟังถูกปรับให้ ‘สั้นลง’ กว่ารุ่นก่อนหน้าแล้ว ความรู้สึกที่ว่าน้ำหนักของ AirPods เคยถูกถ่วงไว้ด้วยขาหรือก้านหูฟัง เดินไปไหนมาไหนแล้วไม่กระชับเหมือนจะหลุดออกจากหูตลอดเวลาก็ถูกแก้ไขให้หมดไปแล้ว

 

เปรียบเทียบการใช้งานตอนออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ถ้าเป็น AirPods เวลาที่วิ่งไปสักพักแล้วเหงื่อไหลเยอะๆ หูฟังจะเริ่มหลวมและชวนให้รำคาญทุกครั้งเวลาที่ต้องดันหูฟังเข้าไปให้คับกระชับหู

 

AirPods Pro

 

แต่พอเป็น AirPods Pro เราพบว่าด้วยความเป็นอินเอียร์ บวกกับตัวหูฟังเองก็ถูกปรับให้ดีไซน์ดีขึ้น กะทัดรัดกว่าเดิม ตอนที่เราเอาไปวิ่งระยะทาง 21 กิโลเมตร จึงไม่พบปัญหาเรื่องความหลวม หรือรู้สึกว่าหูฟังจะหลุดในระหว่างที่ใส่เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเหงื่อจะไหลเปียกโชกแค่ไหนก็ตาม

 

‘เคสชาร์จ’ ที่ตอนแรกแอบกังวลว่าจะเทอะทะไปไหม เอาเข้าจริงพอมันอยู่ในมือและผ่านการใช้งานทุกวัน เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด เพราะจริงๆ แล้วถึงแม้ตัวเคสจะดูกว้างขึ้นถ้าเทียบกับเคส AirPods เดิม แต่มันก็เตี้ยลงตามความสั้นของก้านหูฟังที่ถูกปรับดีไซน์ด้วย

 

ยิ่งถ้าลองจับมาเทียบกันชัดๆ แล้วลองพลิกเคส AirPods Pro เป็นแนวตั้งเทียบกับเคส AirPods แบบมองด้วยสายตา จะแทบไม่รู้สึกถึงความต่างเลย แต่ปัญหาเรื่องรอยขนแมวยังมีให้เห็นอยู่แบบชัดเจน ใครที่ซีเรียสเรื่องนี้อาจจะต้องรีบมองหาเคสมาใส่ป้องกันรอยขีดข่วน (ขนาดเคส AirPods Pro สูง: 45.2 มม. กว้าง: 60.6 มม. และหนา: 21.7 มม. / ขนาดเคส AirPods สูง 44.3 มม. กว้าง: 53.5 มม. และหนา: 21.3 มม.)

 

AirPods Pro

 

อย่างไรก็ดี ถึงส่วนตัวจะมองว่าอินเอียร์ของ AirPods Pro ใส่สบายกว่าอินเอียร์ของหูฟังทั่วๆ ไปที่มีระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกอยู่พอสมควร (ส่วนตัวเป็นคนที่ใช้งานอินเอียร์ได้ปกติ ไม่มีปัญหา) โดยต้องยกความดีความชอบให้กับ ‘ช่องระบายอากาศ’ รักษาแรงดันที่ใส่ให้มาในตัวหูฟัง

 

แต่จากที่ฟังฟีดแบ็กคนรอบตัวพบว่า คนจำนวนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ชอบอินเอียเป็นทุนเดิมจะรู้สึกว่า พวกเขาจะไม่ ‘คลิก’ กับเจ้าหูฟังไร้สายตัวท็อปจาก Apple รุ่นนี้สักเท่าไร มีบ้างประปรายที่บอกว่าพอได้ลองแล้วรู้สึกว่าดีกว่าที่คาดหวังเอาไว้ในตอนแรก

 

จุดนี้เองที่อาจจะทำให้คนลังเลว่าพวกเขาจะตัดสินใจซื้อ AirPods Pro ดีไหม อีกเรื่องหนึ่งคือราคาจำหน่ายที่ถือว่าสูงมากๆ และนับวันก็มีแนวโน้มจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ตามสรรพคุณและฟีเจอร์ที่ทาง Apple ใส่มา ซึ่งน่าจะทำให้คนจำนวนไม่น้อยชั่งใจลังเลหนักเลยว่าคู่ควรหรือเปล่ากับราคาเฉียดหมื่นของมัน โดยสรุปเรามองว่า AirPods Pro เป็นหูฟังไร้สายที่น่าประทับใจรุ่นหนึ่งของ Apple ส่วนที่ชอบที่สุดคือฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนภายนอกและความใส่สบายกระชับรับกับหู แต่ที่ยังไม่ถูกใจเลยคือราคาที่โหดเอาเรื่องนี่แหละ

 

AirPods Pro

 

Powerbeats Pro หูฟังไร้สายแบบ ‘Totally Wireless’ ที่อึดถึก พรีเมียมมากๆ แต่…

ย้อนกลับไปช่วงเมษายนที่ผ่านมา ‘Beats’ แบรนด์หูฟังพรีเมียมที่อยู่ในเครือเดียวกันกับ Apple ได้เปิดตัวหูฟังไร้สายอินเอียร์ที่เคลมว่าเป็น Totally Wireless หรือไร้สายโดยสมบูรณ์อย่าง ‘Powerbeats Pro’ ออกมา มีให้เลือกถึง 4 สี เขียว, น้ำเงิน, ดำ และขาว พร้อมขนาดจุกซิลิโคนให้ถอดเปลี่ยน 4 ไซส์ (พอร์ตชาร์จแบบ Lightning ไม่รองรับชาร์จไร้สาย)

 

Powerbeats Pro ชูจุดเด่นของการเป็นหูฟังไร้สายประสิทธิภาพสูงที่เหมาะกับการใช้งานกับไลฟ์สไตล์คนสายลุย โดยเฉพาะคนที่ต้องออกกำลังกายบ่อยๆ โดยตัวหูฟังสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องกว่า 9 ชั่วโมงต่อการใช้งาน 1 ครั้ง กันน้ำกันเหงื่อได้ดี และยังมาพร้อมขาคล้องเกี่ยวหูที่ช่วยเสริมความกระชับ แน่นหนา การใช้งานในระหว่างการออกกำลังกายจึงไม่มีหลุดเลย

 

ตัวหูฟังมาพร้อมกับชิป Apple H1 (เทียบเท่า AirPods Pro) โดยในแง่ของคุณภาพเสียง ทาง Apple เคลมว่า Powerbeats Pro ให้เสียงที่คมชัดและมีไดนามิกที่กว้าง พร้อมตัดเสียงรบกวนภายนอก (ปรับเป็นโหมด Transparency ฟังเสียงภายนอกไม่ได้)

 

จากที่ได้ลองใช้งานจริง เราแอบรู้สึกว่าถ้าวัดกันในแง่ของ ‘คุณภาพเสียง’ แล้ว มุมมองความเห็นของเรายังให้ Powerbeats Pro แอบเหลื่อมเฉือนชนะ AirPods Pro อยู่เล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าเสียงที่ขับออกมากจากตัว Powerbeats Pro ทรงพลังกว่า เช่นเดียวกับความแน่นของเบส

 

AirPods Pro

 

อีกจุดเด่นท่ีจะลืมพูดถึงไม่ได้เด็ดขาดคือ ตัวหูฟังทั้งสองข้างสามารถใช้งานทีละข้างแทนกันได้แบบไม่เคอะเขิน เพราะทั้งสองข้างซ้าย-ขวามาพร้อมกับปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียงที่วางตัวอยู่ด้านบนหูฟัง ส่วนด้านข้างที่ปุ่มโลโก้ Beats ก็สามารถใช้ควบคุมการเล่น-หยุด ข้ามเพลงหรือย้อนเพลงกลับได้ โดยทั้งหมดถือเป็นแต้มต่อของ Powerbeats Pro ที่มีเหนือ AirPods และ AirPods Pro 

 

แต่ปัญหาที่พบจากการใช้งานจริงก็คือ ด้วยขนาดที่ใหญ่ของมัน ทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัวในช่วงแรกอยู่พอสมควร อย่างการสอดเข้าหูแล้วต้องบิดหามุมให้เข้าที่เข้าทางในช่วงที่ใช้งานใหม่ๆ ก็ยากอยู่เหมือนกัน ยิ่งถ้าใส่ไปนานๆ จนลืมตัว จะแอบรู้สึกว่า ‘ขาเกี่ยว’ ที่เกี่ยวเข้ากับใบหูจะให้ความรู้สึกเจ็บหรือล้าเล็กน้อยได้ ส่วนระบบตัดเสียงรบกวนก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนกับ AirPods Pro ที่เน้นด้านนี้โดยตรง

 

AirPods Pro

 

นอกจากนี้ตัวเคสของมันที่มีขนาดใหญ่เทอะทะ ก็ทำให้การใช้งานพกพาไปไหนมาไหนหรือใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควร แถมใส่ในกระเป๋ากางเกงไม่ได้เลย

 

AirPods Pro

 

โดยสรุปเรามองว่า Powerbeats Pro เหมาะกับคนใช้งานสายสปอร์ตมากกว่า หรือผู้ใช้งานที่เน้นใช้เฉพาะตอนที่ต้องทำกิจกรรมลุยๆ แอดเวนเจอร์ ออกกำลังกายเป็นหลัก สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8,900 บาท ถูกกว่า AirPods Pro เล็กน้อยที่ 590 บาท 

 

ส่วนถ้าใครกำลังมองหาหูฟังไร้สายในเครือ Apple ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เชื่อว่า AirPods หรือ AirPods Pro น่าจะเหมาะกว่า

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising