×

‘เอสเทค’ ผู้นำเข้า เอสท็อกซ์ (Aestox) จัดเสวนาวิชาการ ‘Hesthetics Master Class: Harmonize the Face & Body’s Shape with BoNT-A’ อัปเดตวิทยาการความงามโดยแพทย์จากเกาหลีใต้ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
10.10.2022
  • LOADING...
เอสเทค Aestox

HIGHLIGHTS

  • บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด จับมือบริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด จัดงานเสวนาวิชาการ ‘Hesthetics Master Class: Harmonize the Face & Body’s Shape with BoNT-A’ เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากเกาหลีใต้มาแบ่งปันข้อมูล เทคนิค และวิทยาการใหม่ๆ ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวไทยกว่า 200 ท่าน ภายใต้แนวคิด ‘Reversing Time’ นวัตกรรมเพื่อย้อนวัยอย่างปลอดภัย 
  • ชี้เทรนด์ปัจจุบัน สารลดเลือนริ้วรอยได้รับความนิยมสูงสุด เติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20% ในทุกปี ทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ที่เปิดใจรับการเข้าคลินิกความงามเพิ่มมากขึ้น 
  • ประกาศความสำเร็จอีกขั้นของ Aestox (เอสท็อกซ์) ผลิตภัณฑ์สัญชาติเกาหลีใต้เพียงแบรนด์เดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดได้รับการรับรองมาตรฐานจาก EU FDA และกำลังจะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก USFDA ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยาและเครื่องมือแพทย์ทางด้านความงาม และเป็นผู้แทนแต่เพียงผู้เดียวในการจัดจำหน่าย โบทูลินัม ท็อกซิน ไทป์ เอ (Botulinum Toxin Type A: BoNT-A) ภายใต้แบรนด์ เอสท็อกซ์ (Aestox) จากประเทศเกาหลีใต้ จับมือกับบริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด จัดงานเสวนาวิชาการ ‘Hesthetics Master Class: Harmonize the Face & Body’s Shape with BoNT-A’ โดยเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากเกาหลีใต้มาแบ่งปันข้อมูล เทคนิค และวิทยาการใหม่ๆ ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวไทยกว่า 200 ท่าน เพื่อไปต่อยอดรักษาและเสริมความงามด้วยสารลดเลือนริ้วรอย สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินงาน ‘3 Betters’ ของเอสเทค ฟาร์มา ได้แก่ Better Potency & Stability, Better Purity และ Better Safety & Efficacy

 

 

งานเสวนาวิชาการภายใต้แนวคิด ‘Reversing Time’ นวัตกรรมเพื่อย้อนวัยอย่างปลอดภัย มีหัวข้อเสวนาที่น่าสนใจมากมาก เช่น Facial Ultrasonography Anatomy โครงสร้างกายวิภาคใบหน้าและการรักษาด้วยสารลดเลือนริ้วรอย, Body Shaping with Aestox การใช้สารลดเลือนริ้วรอยเพื่อการดูแลรูปร่าง, Anatomical Consideration for Aestox Injection การพิจารณาทางกายวิภาคก่อนการใช้สารลดเลือนริ้วรอย และ Dynamic Evaluation of Facial Muscle Movement and Skin Displacement using Vector Analysis เป็นต้น

 

 

กสิกิจ พ่วงภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด ได้ร่วมให้สัมภาษณ์พิเศษภายหลังจบงานเสวนา ถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามที่มีการเติบโต 5-15% ในทุกปี ไปจนถึงเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน 

 

“หากพูดถึงกลุ่มเวชศาสตร์ความงาม สารลดเลือนริ้วรอย หรือ Botulinum Toxin Type A (BoNT-A) ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือ ฟิลเลอร์, อัลเทอรา และร้อยไหม ซึ่ง BoNT-A ยังคงเติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20% ในทุกปี ทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ที่เปิดใจรับการเข้าคลินิกความงามเพิ่มมากขึ้น จึงมีการพัฒนาเทคนิค เทคโนโลยี และเทรนด์มาอย่างต่อเนื่องทั่วโลก  

 

“การจัดเสวนาครั้งนี้ก็เพื่อมุ่งเน้นให้แพทย์ที่มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้สารลดเลือนริ้วรอย พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ มายกระดับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้แพทย์ผู้ให้บริการมอบประสบการณ์ที่ดีในการดูแลความงามแก่ผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง” 

 

อีกหนึ่งวัตถุประสงค์ของงานในครั้งนี้ ยังจัดขึ้นเพื่อขอบคุณแพทย์และลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจผลิตภัณฑ์ เอสท็อกซ์ (Aestox) กสิกิจยังกล่าวถึงหมุดหมายที่จะผลักดันให้บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด และบริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน 

 

กสิกิจเผยว่า ตลาดความงามหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มฟื้นตัวประมาณ 30-40% “เราเห็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 คนหันมาดูแลตัวองกันมากขึ้น ลูกค้าเริ่มกลับมาราว 70-80% และคาดว่ากลับมา 100% ในปีหน้า หรืออย่างน้อยเติบโต 20% ทุกปี

 

“เรายังมีข่าวดีอีกมากมายที่ได้ประกาศในงาน หนึ่งในนั้นคือการประกาศว่า Aestox (เอสท็อกซ์) โบทูลินัม ท็อกซิน จากเกาหลีใต้ ที่มียอดขายและการเติบโตเป็นอันดับ 1 ทั้งในไทยและในเกาหลีใต้ และเป็นผลิตภัณฑ์สัญชาติเกาหลีใต้เพียงแบรนด์เดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดทั้งในและต่างประเทศในเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัยจาก อย. เกาหลีใต้ และ อย. ไทย เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยระดับโลก ล่าสุดทาง Aestox ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก EU FDA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก USFDA ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”  

 

 

ด้าน นายแพทย์ฮงจินมุน หัวหน้าคณะแพทย์ และรองประธาน บริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือทางวิชาการ ทิศทางความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจ และเหตุผลที่เลือก เอสเทค ฟาร์มา ให้เป็นตัวแทนจำหน่าย Aestox (เอสท็อกซ์) แต่เพียงผู้เดียว เป็นเพราะความน่าเชื่อถือขององค์กร และศักยภาพของเมืองไทย ทั้งในแง่ของความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่มีประสบการณ์ อีกทั้งเทรนด์ความงามของไทยและเกาหลีใต้มีทิศทางเหมือนกัน “เวลาพูดถึงเรื่องความงาม เกาหลีใต้และไทยจะเป็นที่ที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การใช้นวัตกรรมและเทคนิคใหม่ๆ สำคัญที่สุดคือ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานสากล ความร่วมมือครั้งนี้คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างนักคัดเลือกที่พิถีพิถัน และผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน โดยเราตั้งใจที่จะต่อยอดความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานต่างๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่าง เอสท็อกซ์ (Aestox) อย่างต่อเนื่อง” 

 

 

ด้าน จุน ลี กรรมการผู้จัดการ แผนกโกลบอล บิสซิเนส บริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “เนื่องจากฮูเจล อิงค์ เป็นบริษัทโกลบอลคอมพานี ซึ่งในปัจจุบันนี้เราได้ขยายจากเอเชียไปยังยุโรปและจีน นอกจากนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เราจะขยายตลาดไปทั้งสหรัฐฯ และแคนาดา ดังนั้นฮูเจล อิงค์ มีการคัดเลือกอย่างเข้มข้นในการคัดเลือก Distributor ที่จะเป็น Partnership ที่จะทำธุรกิจด้วยกันในระยะยาว เราต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นถึงความสามารถในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการทำงาน ความสามารถในการขาย และความสามารถในการตลาด และปัจจัยต่างๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจระยะยาว (Long-term Business Partner) ดังนั้น หลังจากทำงานด้วยกันมาเป็นระยะเวลา 3 ปี จาก 30 สิงหาคม 2019 จนถึงปัจจุบัน ทางเอสเทค ฟาร์มา ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่ามีมาตรฐานในการทำงานที่ตรวจสอบได้ ทำให้เราไว้วางใจในเอสเทค ฟาร์มา อีกทั้งการทำงานกับคุณกสิกิจ ทำให้เรามีความเชื่อมั่นและมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน” 

 

เมื่อถามถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด และบริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด ในประเทศไทย จุน ลี อธิบายว่า “ในตลาด Aesthetic หรือตลาดความงามในประเทศไทย เรามองเห็นถึงโอกาสของธุรกิจที่จะเติบโตไปในอนาคต เพราะประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญในอันดับต้นของเอเชีย ซึ่งตลาดอุตสาหกรรมในไทยมีความคล้ายคลึงกับประเทศเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก ดังนั้นภายในปีหน้าที่จะมาถึง เราจะเปิดตัว Derma Filler ภายใต้แบรนด์ Byrezn (บายรีซัน) ร่วมกับบริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตและมั่นคงยิ่งๆ ขึ้นไป”

 

 

รศ.นพ.ธันวา ตันสถิตย์ ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้อำนวยการ ศูนย์ฝึกผ่าตัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ยังชี้แจ้งให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างสารลดเลือนริ้วรอยที่ได้มาตรฐานกับไม่ได้คุณภาพว่า อาจเจอสารปนเปื้อนที่อยู่ภายใน เพราะไม่ได้ควบคุมคุณภาพ ทำให้เป็นพิษระยะยาว กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้หลายอย่าง รวมทั้งผื่นผิวหนัง การเลือกใช้ของที่มีมาตรฐานรองรับจะมีความปลอดภัยระยะยาวอย่างแน่นอน  

 

“ปัจจุบันมีคลินิกความงามเปิดใหม่เพิ่มมากขึ้น แนะนำให้ผู้บริโภคเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่คลินิกใช้ อย่าง Aestox สามารถตรวจสอบได้จากการสแกน QR Code ข้างกล่อง ซึ่งเรามั่นใจว่า Aestox มีความโดดเด่นในเรื่องของความบริสุทธิ์ ออกฤทธิ์แม่นยำ ตรงจุด มีข้อบ่งใช้มากที่สุดในตลาด และได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกมากที่สุดว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” กสิกิจกล่าวเสริม

นายแพทย์ฮงจินมุนเชื่อมั่นว่า แม้จะมีความท้าทายในการทำตลาดเมืองไทย แต่ในปี 2020 ก็สามารถครองอันดับ 1 ในตลาดได้ เป้าหมายถึงจะได้มีสัดส่วนทางการตลาดเพิ่มขึ้น 45% ซึ่งทางเอสเทค ฟาร์มา ก็ตั้งเป้ารุกตลาดที่กว้างกว่าเดิม รองรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ 

 

“เมื่อก่อนเราจับกลุ่มผู้สูงอายุ หรือเน้นไปที่เรื่องการย้อนวัย (Reverse Aging) แต่ตอนนี้พบว่าการป้องกันสำคัญกว่า คนไข้ส่วนใหญ่อายุน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ และ First Jobber นิยมปรับรูปหน้าเพื่อสร้างความประทับใจและเสริมความมั่นใจในการทำงาน ขณะที่กลุ่มผู้ชายก็เริ่มต้องการดูแลบุคลิกภาพและภาพลักษณ์มากขึ้นเช่นกัน จากนี้ไปเราจะเน้นเรื่องการให้ความรู้ด้านวิชาการกับแพทย์เพิ่มมากขึ้น และสร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมความงาม และให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ นี่คือสาเหตุที่เราไม่หยุดพัฒนา ทั้งเรื่องของการวิจัย และประสิทธิภาพที่ได้รับการรองรับจากสถาบันชั้นนำต่างๆ” กสิกิจกล่าวปิดท้าย

 

บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด และบริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด ยังได้เตรียมแผนการลงทุนในส่วนของกิจกรรมทางการแพทย์ (Medical Activity) ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนมหาศาลเพื่อพัฒนาแพทย์ในประเทศไทย ทั้งในด้านงานวิจัยและมีการอบรมเทคนิคต่างๆ รวมทั้งการผลักดันให้งานวิจัยและศูนย์การฝึกอบรม (Training Center) ในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความรู้ในด้านความงาม (Aesthetic) ของเอเชียอีกด้วย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X