เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4QFY64 ของ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AEONTS ปรับตัวลดลง 1.27%MoM อยู่ที่ระดับ 135.50 บาท แย่กว่า SET Index ที่ปรับตัวลดลง 0.20%MoM อยู่ที่ระดับ 1,681.85 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่ากำไร 4QFY64 (ธันวาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565) จะฟื้นตัว 23%QoQ (ตั้งสำรองลดลง และเป็นช่วงที่มีการปล่อยสินเชื่อและการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูง) แต่จะลดลง 15%YoY (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นและรายได้ค่าธรรมเนียมทวงถามหนี้ลดลง) สู่ 1 พันล้านบาท
ซึ่งจะส่งผลทำให้กำไรปี FY2564 อยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจาก ธปท. ได้ผ่อนปรนมาตรการช่วยเหลือที่มีการขยายเพดานวงเงินสินเชื่อจาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน AEONTS จึงออกแคมเปญการตลาดและเพิ่มวงเงินสินเชื่อ เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายใหม่ในช่วงไฮซีซันใน 4QFY64
ในขณะที่ SCBS ได้ปรับประมาณการ Credit Cost ปี FY2565 เพิ่มขึ้น 15 bps เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด (5.28% ในเดือนกุมภาพันธ์) อย่างไรก็ดี SCBS ยังคงคาดว่า Credit Cost จะลดลงใน 4QFY64 และปี FY2565 หลังจากอยู่ในระดับสูงมากเป็นพิเศษที่ 9.23% ใน 2QFY64 และ 8.06% ใน 3QFY64 ซึ่งหนุนให้ LLR Coverage เพิ่มขึ้นสู่ 255%
โดยคาดว่า Credit Cost จะลดลง 133 bps QoQ สู่ 6.73% ใน 4QFY64 ซึ่งจะส่งผลทำให้ Credit Cost ในปี FY2564 อยู่ที่ 7.3% สำหรับปี FY2565 คาดว่า Credit Cost จะลดลง 30 bps สู่ 7% ทั้งนี้ ณ 3QFY64 AEONTS มีการตั้งสำรองผ่าน Management Overlay จำนวน 1.38 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.5% ของสินเชื่อรวม
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่ากำไรจะฟื้นตัว 14% ในปี FY2565 หลักๆ ได้แรงหนุนจาก Credit Cost ที่ลดลงและการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น ซึ่งการขยายธุรกิจสู่สินเชื่อดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นให้การเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี FY2564 สู่ 8% ในปี FY2565 ส่วน NIM คาดว่าจะลดลง 10 bps จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และคาดว่ารายได้ค่านายหน้าประกันภัยจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมากเกินพอชดเชยค่าธรรมเนียมทวงถามหนี้ที่ลดลง (เป็นผลมาจากหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น)
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้น คาดจะกระทบให้ NIM ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปี FY2565-FY2566 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์สูงขึ้นและกระทบ Credit Cost ให้เพิ่มขึ้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP