×

อาจไม่ถึงฝันแต่ฉันภูมิใจ เหตุผลที่เราควรยกย่องความสำเร็จของไบรท์ตัน

24.04.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 MIN READ
  • ไบรท์ตันในเวลานี้กลายเป็น ‘สโมสรฟุตบอลตัวอย่าง’ ที่วงการฟุตบอลทั่วโลกพยายามศึกษาและถอดบทเรียนจากพวกเขา โดยเฉพาะสิ่งที่ถือเป็น ‘หัวใจ’ ของความสำเร็จอย่างระบบแมวมองและการเลือกซื้อผู้เล่น
  • ไบรท์ตันไม่ได้ดูแต่ข้อมูลเท่านั้น แต่สโมสรยังมีความเหมาะสมสำหรับการ ‘ฟูมฟัก’ นักฟุตบอลให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้เล่นในระดับที่ยอดเยี่ยม หรือพูดง่ายๆ คือเป็นสโมสรที่สามารถ ‘ฟาร์มนักเตะ’ ได้

ซอลลี มาร์ช รับบอลจาก เวาต์ เวกฮอร์สต์ มือสังหารจุดโทษลำดับที่ 6 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อทำหน้าที่เป็นคนที่ 7 ให้กับไบรท์ตัน

 

มาร์ชเป็นเด็กที่เกิดในอีสต์บอร์น เติบโตที่เฮลแชม เริ่มต้นชีวิตการเล่นฟุตบอลกับลิวอิส ก่อนจะย้ายมาอยู่กับไบรท์ตัน เป็นสายเลือดของชาว East Sussex โดยแท้ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจ

 

หมายเลขบนหลังเสื้อของปีกขวาที่เป็นผู้เล่นซ้ายธรรมชาติก็เป็นหมายเลข 7 เช่นกัน

 

แต่ลูกยิงของมาร์ชกลับข้ามคานออกไปไกล ทำให้เขาเป็นคนแรกที่ยิงจุดโทษพลาดในเกมรอบรองชนะเลิศระหว่างไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียน กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ 12 คนก่อนหน้าไม่มีใครที่ยิงพลาดเลย และเขาก็เป็นคนเดียวที่สังหารพลาดด้วย เมื่อ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ มือสังหารคนที่ 7 ของปีศาจแดงทำหน้าที่ไม่พลาด

 

การพลาดของมาร์ชทำให้ไบรท์ตันไปไม่ถึงฝัน พวกเขาไม่ได้เข้าชิงเอฟเอคัพ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันคือความล้มเหลวแต่อย่างใด

 

 

ในทางตรงกันข้าม การที่สโมสรจากแดนใต้ซึ่งไม่ได้เป็นสโมสรระดับยักษ์ใหญ่อะไรของวงการฟุตบอลอังกฤษ เกือบจะได้เข้าชิงรายการฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุด และต่อกรกับทีมระดับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกด้านอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดในระดับที่น่าประทับใจ สิ่งเหล่านี้ควรจะถูกมองว่าเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมมากกว่า

 

ตลอด 120 นาที ไบรท์ตันซึ่งได้รับการยกย่องจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ว่าเป็น “ทีมที่ปั้นเกมจากแดนหลังได้ดีที่สุดในโลกตอนนี้” เป็นฝ่ายที่ทุ่มเทและพยายามที่จะหาทางเจาะเกมรับของแมนฯ ยูไนเต็ดให้ได้ และทำให้ทีมของ เอริก เทน ฮาก ต้องถอยร่นกำลังลงไปตั้งรับเพื่อรอความหวังจะได้ประตูจากการสวนกลับแทน

 

การขาด อีแวน เฟอร์กูสัน กองหน้าดาวรุ่งชาวไอริชวัย 18 ปีที่กำลังร้อนแรงมีส่วนในการทำให้ประสิทธิภาพในเกมรุกของพวกเขาถูกลดทอนลงไป เช่นเดียวกับอาการบาดเจ็บของ แดนนี เวลเบ็ค กองหน้าตัวเก๋าในระหว่างเกม ทำให้ความหวังในเกมรุกของไบรท์ตันอยู่กับมาร์ช และสตาร์อีกฟากสนามอย่าง คาโอรุ มิโตมะ

 

มันชัดเจนว่าไบรท์ตันแม้จะทำได้ดีแล้วแต่ยังดีไม่พอ แต่หากมองในภาพรวมแล้วการที่พวกเขามาถึงจุดนี้ได้มาจากการวางแนวทางของสโมสรมาอย่างเป็นระบบ

 

พูดได้เลยว่าไบรท์ตันในเวลานี้ได้กลายเป็น ‘สโมสรฟุตบอลตัวอย่าง’ ที่วงการฟุตบอลทั่วโลกพยายามศึกษาและถอดบทเรียนจากพวกเขา

 

โดยเฉพาะสิ่งที่ถือเป็น ‘หัวใจ’ ของความสำเร็จอย่างระบบแมวมองและการเลือกซื้อผู้เล่น

 

 

ย้อนกลับไปในเกมรอบรองชนะเลิศกับแมนฯ ยูไนเต็ด ในผู้เล่นที่ โรแบร์โต เด แซร์บี ส่งลงสนามนั้นมีผู้เล่นระดับ ‘ดาวเด่น’ ของทีมที่เป็นที่หมายปองของสโมสรระดับท็อปหลายคน

 

เริ่มจาก มอยเซส ไกเซโด กองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ที่เคยเกือบย้ายไปอาร์เซนอลในช่วงตลาดการซื้อขายเปิดในรอบเดือนมกราคมที่ผ่านมา, คาโอรุ มิโตมะ ปีกซ้ายทีมชาติญี่ปุ่น ไปจนถึง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางระดับมันสมองที่เป็นขุนพลทีมชาติอาร์เจนตินาที่ช่วยให้ ลิโอเนล เมสซี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้

 

นักเตะทั้ง 3 คนนี้คือ ‘เพชร’ ที่ไบรท์ตันขุดมาจากดิน

 

โดยไกเซโด พวกเขาคว้าตัวมาจากอินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ในบ้านเกิดที่เอกวาดอร์ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม 2021 ในขณะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ นั้นคว้าตัวมาจากอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2019 และมิโตมะพวกเขาได้มาจากคาวาซากิ ฟรอนตาเล ใน J1 ของญี่ปุ่น ด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์ ในเดือนสิงหาคม 2021

 

ทั้งหมดนี้ถูกคาดหมายว่าจะย้ายทีมอย่างแน่นอนในอนาคต ซึ่งไบรท์ตันก็ไม่คิดที่จะขัดขวางเส้นทางด้วยหากเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย และคาดว่าสโมสรจะสามารถทำเงินได้มากถึง 60-70 ล้านปอนด์จากทั้ง 3 รายนี้

 

สิ่งที่หลายคนอยากรู้คือไบรท์ตันไปหานักเตะดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร?

 

คำตอบอยู่ที่ โทนี บลูม เจ้าของสโมสรซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับบริษัทรับพนันถูกกฎหมาย

 

สิ่งที่บลูมมีเหนือกว่าคนอื่นคือ ‘ซอฟต์แวร์’ เฉพาะของตัวเอง ซึ่งเป็นของ ‘Starlizard’ บริษัทส่วนตัวของเขาที่สามารถคัดกรองข้อมูลนักฟุตบอลทั้งโลกได้ โดยที่ไบรท์ตันก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของบริษัทตัวเองในการซื้อข้อมูล

 

ปกติแล้วลูกค้าของ Starlizard จะได้รับข้อมูลของนักฟุตบอลที่น่าจับตามองพร้อมรายงานของผู้เล่นอย่างละเอียด โดยที่ลูกค้าสามารถระบุตัวกรอง (Filters) ได้ว่าต้องการที่จะดูข้อมูลด้านใดบ้าง พร้อมกับข้อสรุปง่ายๆ ของระบบผ่านไฟ 3 สี

 

สีเขียว = แจ๋ว
สีเหลือง = พอได้
สีแดง = จับตาดูไปก่อน

 

 

แต่สิ่งที่ไบรท์ตันได้เปรียบมากกว่าในฐานะมีเจ้าของสโมสรเป็นเจ้าของระบบเองคือ ‘อัลกอริทึม’ บางอย่างที่จะช่วยทำให้เลือกนักเตะที่น่าสนใจได้แม่นยำและไวกว่าคนอื่น และที่สำคัญคือสอดคล้องเข้ากับระบบการเล่นของทีมที่ผ่านการวางแนวทางโดยบลูมและผู้อำนวยการสโมสรด้วย

 

ฟุตบอลแบบไบรท์ตันเป็นบอลที่เน้นความเรียบง่าย ใช้ทีมเวิร์ก และไหวพริบของผู้เล่นเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้ต่อให้เจอกับทีมใหญ่ที่มีชื่อชั้นผู้เล่นที่ดีกว่าก็สามารถต่อกรได้อย่างสนุกสูสีทุกครั้ง

 

อย่างไรก็ดีไบรท์ตันไม่ได้ดูแต่ข้อมูลเท่านั้น แต่สโมสรยังมีความเหมาะสมสำหรับการ ‘ฟูมฟัก’ นักฟุตบอลให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้เล่นในระดับที่ยอดเยี่ยม หรือพูดง่ายๆ คือ เป็นสโมสรที่สามารถ ‘ฟาร์มนักเตะ’ ได้โดยไม่รีบ ไม่เร่งโต เร่งสี เร่งวุ้น

 

นักเตะแววดีที่ถูกดึงเข้ามาจะได้รับสองสิ่งที่สโมสรใหญ่ให้ไม่ได้คือ ‘เวลา’ และ ‘โอกาส’ ในการแจ้งเกิด เหมือนรายของ แม็ค อัลลิสเตอร์ หรือมิโตมะ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟูมฟักเกือบ 2 ปีก่อนที่จะเริ่มแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว

 

ทั้งนี้ ความจริงแล้วสิ่งที่ไบรท์ตันทำไม่ได้เป็นเรื่องใหม่หรือเรื่องใหญ่ขนาดนั้น แต่พวกเขาเป็นสโมสรที่สามารถทำมันได้จริงและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

เป้าหมายหลักอย่างการเป็นสโมสรที่ ‘ยั่งยืน’ อยู่ในระดับพรีเมียร์ลีกได้ และค่อยๆ พัฒนายกระดับสโมสรไปอย่างช้าๆ ซึ่งจากเป้าหมายการไม่ตกชั้น ตอนนี้ไบรท์ตันภายใต้การนำของ เด แซร์บี มาถึงจุดที่สามารถลุ้นไปสโมสรยุโรปได้แล้ว

 

 

โดยที่หลังจบฤดูกาลนี้ต่อให้มีโอกาสจะเสียทั้ง ไกเซโด, แม็ค อัลลิสเตอร์ รวมถึงมิโตมะไปจากทีมเหมือนที่ต้องขาย มาร์ก กูกูเรยา ไปให้เชลซีในช่วงฤดูร้อนที่แล้ว แต่นั่นหมายถึงการที่ทีมมีโอกาสทำเงินได้อย่างมากมาย

 

และแน่นอนว่าถ้าเสียใครไป พวกเขาก็พร้อมจะดึงตัวใหม่เข้ามาทดแทนทันที โดยสโมสรมีการวางแผนตลาดซื้อขายผู้เล่นล่วงหน้า 1-2 รอบตลาดเลยทีเดียว

 

เรียกว่ารอบคอบและมองการณ์ไกลไปข้างหน้าเสมอ

 

ดังนั้นการตกรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพนั้นถึงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะไม่ใช่โอกาสที่หาได้ง่ายนัก แต่อย่างน้อยการมาถึงรอบนี้ ได้มาเล่นในเวมบลีย์ ต่อสู้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจกับทีมที่ลงทุนด้วยเงินน้อย แต่ลงทุนด้วยเวลาและความตั้งใจมหาศาล สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นความสำเร็จแล้ว

 

ไบรท์ตันจะไม่หยุดแค่นี้ พวกเขาจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้นอีกอย่างแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนอีกมากมายที่พร้อมจะเฝ้าติดตามให้กำลังใจ

 

ต่อให้ไม่ใช่ทีมที่เชียร์ก็ตาม 🙂

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising