สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประจำสหรัฐอเมริกา (The Food and Drug Administration: FDA) ได้อนุมัติให้ยาเม็ดติดเซนเซอร์สามารถใช้ได้ในวงการแพทย์อย่างถูกกฎหมายแล้ว โดยยาเม็ดดังกล่าวจะฝังเซนเซอร์ไว้ข้างในเพื่อให้แพทย์ตรวจว่าคนไข้กินยาครบตามที่กำหนดหรือไม่ และคาดการณ์กันว่ากลุ่มผู้ป่วยที่อาจจะต้องใช้ยาเม็ดแบบดิจิทัลนี้ในการรักษามากที่สุดคือผู้ป่วยจิตเวช
‘Abilify MyCite’ หรือยาเม็ดติดเซนเซอร์ จะใช้เซนเซอร์ที่ทำขึ้นจากทองแดง แมกนีเซียม และซิลิคอนฝังลงไปในตัวเม็ดยา เมื่อยาเดินทางสู่กระเพาะอาหารจนพบเข้ากับกรดและเกิดกระบวนการย่อย ตัวยาจะปล่อยคลื่นสัญญาณไฟฟ้าออกมาสู่แผ่นรับข้อมูลที่คนไข้ต้องติดไว้ชั่วคราวบริเวณชายโครง และข้อมูลเรื่องวันเวลาในการกินยาทั้งหมดจะถูกส่งลงไปในแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ขณะที่คนไข้ก็สามารถเลือกแชร์ข้อมูลนี้ต่อไปให้แพทย์และผู้ดูแลได้
เว็บไซต์ The New York Times รายงานว่า การอนุมัติน้ีเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยจุดประสงค์ในการแก้ปัญหาการควบคุมการใช้ยาที่มีราคาสูงและการไม่กินยาตามที่แพทย์สั่งของคนไข้จิตเวชสหรัฐฯ หลายล้านคน ซึ่งเรื้อรังมาเป็นเวลานาน
ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นนี้คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท กับการที่ผู้ป่วยไม่ยอมกินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จนนำไปสู่อาการป่วยที่ทรุดหนักลงกว่าเดิมและต้องเดินทางไปรักษากับแพทย์ถี่ขึ้น
ดร.เจฟฟรีย์ ลิเบอร์แมน ประธานแผนกจิตเวชศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและโรงพยาบาลนิวยอร์กเพรสไบทีเรียน ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่า ยาชนิดนี้น่าจะเป็นที่ต้องการมากในหมู่แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยจิตเวช เนื่องจากผู้ป่วยหลายรายมักจะไม่กินยาตามกำหนด เพราะรู้สึกว่าตนหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
อย่างไรก็ดี สิทธิในการกินยาเม็ดติดเซนเซอร์และการเลือกส่งต่อข้อมูลการกินยาทั้งหมดยังถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ป่วย และสามารถเลือกได้ว่าตนต้องการจะเข้ารับการบำบัดด้วยยาประเภทนี้หรือไม่
เบื้องต้นยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องราคาวางจำหน่ายเม็ดยาสุดล้ำนี้ออกมา มีเพียงกำหนดคร่าวๆ ว่า Abilify MyCite จะเริ่มต้นวางขายในปี 2018 ที่จะถึงนี้ พร้อมขนาดมิลลิกรัมที่ต่างกันถึง 6 แบบได้แก่ 2, 5, 10, 15, 20 และ 30 มิลลิกรัม
อ้างอิง: