บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ AAI เคาะราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 5.55 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 21 และ 25-26 ตุลาคม 2565 เตรียมพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ชูโมเดลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกรายใหญ่ของไทย กางแผนการเติบโต เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์รองรับดีมานด์ตลาดโลก
ทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ Head of Investment Banking Capital Market บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของบริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI กล่าวว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่ 5.55 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม สะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเป็นผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดรายชื่อ ‘10 บลจ. ของไทย’ ควักเงินจองซื้อหุ้น IPO ‘เบทาโกร’ หรือ BTG วงเงินรวมกันกว่า 3.63 พันล้านบาท
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
ทั้งนี้ จะเปิดให้ผู้ถือหุ้นของ บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 17-21 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 21 และ 25-26 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
AAI มีทุนจดทะเบียน 2,125 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,125 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,700 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 637.5 ล้านหุ้น
โดยแบ่งเป็น
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 425 ล้านหุ้น และ
- หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม (บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN) จำนวน 212.5 ล้านหุ้น
รวมทั้งหมดร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้
“มั่นใจการเสนอขายหุ้น IPO ของ AAI จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน และจากแผนการลงทุนที่ชัดเจนในการเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในประเทศไทย รวมถึงลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนมากขึ้น” ทวีชัยกล่าว
ขณะเดียวกันได้แต่งตั้ง บล.ทิสโก้ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย แต่งตั้ง บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
รวมถึงแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 6 ราย เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย ได้แก่ บล.กรุงศรี, บล.กสิกรไทย, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ดาโอ (ประเทศไทย), บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) และ บล.เอเซีย พลัส
ด้าน เอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ AAI เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนการลงทุนในอนาคต โดยเป็นโครงการที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2565-2568 ได้แก่
- โครงการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในประเทศไทย มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 40,000 ตันต่อปี ในช่วงปลายปี 2565-2568 ซึ่งเล็งเห็นโอกาสจากการที่รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันโรงงานหลักของ AAI มีกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกสูงสุด 42,000 ตันต่อปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 85% ในงวด 30 มิถุนายน 2565 และ
- โครงการลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 มีแผนสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติ (Auto Warehouse) แห่งที่ 2 ภายในปี 2566 คาดว่าจะเก็บสินค้าได้ประมาณ 15,000-20,000 พาเลต เนื่องจากคลังสินค้าอัตโนมัติของบริษัทฯ อาจไม่เพียงพอรองรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคต
ขณะที่ วรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน AAI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 2565 จะมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 5,400 ล้านบาท และจะมีรายได้จากธุรกิจทูน่าอีกประมาณ 800 ล้านบาท โดยมองว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากในครึ่งปีแรก
ขณะเดียวกัน บริษัทให้ความสำคัญในการผลิตเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การลดต้นทุนการผลิต เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการทำกำไรให้ดีขึ้น โดยได้มีการเจรจากับลูกค้าในการวางแผนการสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 1 ปี และจะได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน
โดยจะช่วยให้ฝ่ายวางแผนนำประมาณการคำสั่งซื้อดังกล่าวมาบริหารจัดการ เพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบและดำเนินการผลิตอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดภายใต้ต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม ส่งผลให้ AAI สามารถรักษาผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้