×

ทวนความทรงจำกับอภิมหาพลิกล็อกในประวัติศาสตร์เพลย์ออฟ NBA

28.04.2023
  • LOADING...
เพลย์ออฟ NBA

ครึ่งเดือนก่อน ไมอามี่ ฮีต ยังทำท่าหมดสภาพ แพ้เพลย์อิน ทัวร์นาเมนต์เกมแรกต่อ แอตแลนต้า ฮอว์คส กระจุย 105-116

 

พวกเขาได้โอกาสแก้ตัว เปิดบ้านเจอ ชิคาโก้ บูลล์ส ปรากฏว่าเหลือเวลา 7.12 นาที กลับตกเป็นรอง 6 แต้ม โมเมนตัมเหมือนจะม้วนเสื่อกลับบ้านด้วยซ้ำ จากทีมที่เคยหลุดถึงชิงคอนเฟอเรนซ์ตะวันออกซีซันก่อนหน้า แล้วตัวผู้เล่นแทบจะชุดเดิม กลับทำท่าไม่ได้เข้าแม้แต่รอบแรก

           

จิมมี่ บัตเลอร์ จับมือกับ แม็กซ์ สตรูส สกอร์คนละ 31 ช่วย ไมอามี่รันปิดเกม 15-1 กลับมาคว้าชัย 102-91 ได้เข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 8 ฝั่งตะวันออก

 

เช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บัตเลอร์และพลพรรคไมอามี่กลับสร้างปรากฏการณ์ซึ่งน่าจะพลิกล็อกสุดของวงการ NBA ด้วยซ้ำ พวกเขาคว่ำมิลวอคกี้ บัคส์ ทีมอันดับหนึ่ง และเต็งหนึ่ง ซึ่งจะได้ แลร์รี โอไบรอัน โทรฟีหน 2 ในรอบ 3 ปี 4-1 เกม

 

โดยนัดตัดสินซีรีส์ บัตเลอร์ทำคนเดียว 42 แต้ม ช่วยทีมคัมแบ็กบุกเฉือนบัคส์ถึงไฟเซิร์ฟ ฟอรัม แบบต่อเวลา 128-126 ทั้งที่ก่อนแข่งขันลาสเวกัสมองว่าเป็นรองถึง 13 คะแนน

 

ใครที่ได้ดูเกมจะเห็นว่าบัคส์ทำตัวเอง พลาดโทษสำคัญๆ บ่อยมาก รวมทั้ง จรู ฮอลิเดย์ เก็บฟรีโทรว์ลงหนเดียว ก่อนหมดเวลาปกติ 2.1 วินาที จึงนำแค่ 2 แต้ม

 

บัตเลอร์เบียดพื้นที่ใต้แป้น รับบอลส่งเข้าชู้ตมือเดียวตีเสมอ ส่งเกมเข้าสู่โอเวอร์ไทม์

 

โค้ช อีริก สโปลสทร่า เล่าถึงเหตุการณ์ขณะขอเวลานอกเพื่อไล่ตีเสมอ “เราเคยซ้อมเพลย์นั้นโดยลองใช้ผู้เล่นสลับกันหลายคน เรียกว่ามีหลายเวอร์ชัน” เขา (บัตเลอร์) ดูอยู่ก็บอกทันที “ผมขอเป็นคนนั้นเอง” ผมถามไปว่า “โอเค แล้วถ้าเรารับบอลโยนลูกนั้นไม่ได้ล่ะ?” เขาตอบกลับมา “ผมจะหาทางเอาบอลให้ได้เอง ไม่ต้องกังวล”

           

บัตเลอร์สมราคาชื่อเสียงในเรื่องการสวมร่างทองเวลาแข่งเพลย์ออฟทีเดียว

 

48 ชั่วโมงก่อนหน้า ฮีตก็เพิ่งคัมแบ็กอย่างน่าทึ่งมาก่อนแล้ว โดยบัตเลอร์สร้างผลงานระดับประวัติศาสตร์ ทำคนเดียว 56 คะแนน ช่วยทีมจากเป็นรอง 14 ควอเตอร์ 4 เล่นงานบัคส์ 30-13 ระหว่าง 6 นาทีสุดท้าย จนฮีตแซงคว้าชัย 119-115        

 

           

ตลอดซีรีส์ บัตเลอร์ทำผลงานเฉลี่ย 37.6 คะแนน ต้องได้ผู้เล่นทรงคุณค่าของซีรีส์อย่างไม่ต้องสงสัย

 

เส้นทางต่อไปของฮีตจะพบกับ นิว ยอร์ค นิกส์ อดีตคู่รักคู่แค้นเมื่อเกือบ 2 ทศวรรษก่อน

 

เราไปมองย้อนอดีตว่าเคยมีปรากฏการณ์อันดับ 8 เหมือนเช่นฮีตใน NBA น็อกอันดับ 1 ตกรอบแรกกันมากี่ทีมบ้าง?

 

โดยนับจาก NBA เพิ่มการเข้ารอบเป็น 16 ทีมในซีซัน 1983-84 อันดับ 8 เคยชนะทั้งสิ้น 5 ทีม แต่ถ้านับแบบซีรีส์ 7 เกม เคยเกิดขึ้นแค่ 3 หน

 

  • ปี 1994 เดนเวอร์ นักเก็ตส์ พลิกล็อกใส่ ซีแอตเทิ่ล ซูเปอร์โซนิกส์ 3-2

  

           

ตอนนั้นถือว่าเป็นข่าวใหญ่ เพราะซูเปอร์โซนิกส์ซึ่งมีสองตัวดัง แกรี่ เพย์ตั้น, ชอว์น เคมป์ เหนือกว่ามาก ชนะฤดูกาลปกติ 63 เกม และออกนำซีรีส์ 2-0 แบบชนะขาดเป็นสิบแต้ม

 

เกมสาม นักเก็ตส์ดันแม่น ยิงลง 60% ตีไข่แตกเกมสามในบ้านตัวเอง และเกมสี่ พลิกล็อกต่อเวลา ทั้งที่ยิงลงแค่ 36.9%

 

เกมห้า แข่งในซีแอตเทิล ใครต่อใครก็คิดว่าโซนิกส์คงปิดฉากไม่ยาก ในเมื่อฤดูกาลปกติฟอร์มในบ้าน 37-4 ที่ไหนได้นักเก็ตส์บุกชนะต่อเวลา 98-94 เฉย

 

รอเบิร์ต แพค ลงจากม้านั่งสำรองมาสกอร์ 23, ไบสัน เดเล่ ซึ่งภายหลังเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ก็ไม่เบา 17 คะแนน 19 รีบาวด์

 

ขณะที่ ดิเคมเบ้ มูตอมโบ้ เซ็นเตอร์ เดนเวอร์ ได้ถึง 8 บล็อก 15 รีบาวด์ ภาพจำของทุกคนก็คือ เขาลงไปนอนอยู่บนพื้นคอร์ต ถือลูกบาสเกตบอลเอาไว้เหนือหัวด้วยความปลื้มปีติ

 

 

           

รอบต่อมาเส้นทางของนักเก็ตส์ก็เกือบสร้างตำนานต่อ แพ้ ยูท่าห์ แจซ 3 เกมแรก แล้วพยายามคัมแบ็กชนะ 3 เกมรวด ส่งซีรีส์แข่งเกม 7 

 

น่าเสียดาย พวกเขาลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ 81-91

           

ส่วนซูเปอร์โซนิกส์ยังคงใช้ชุดแกนหลักเหมือนเดิม และหลุดเข้าชิงซีซัน 1995/1996 ต่อกรกับ ไมเคิ่ล จอร์แดน และชิคาโก้ บูลล์ส ชุดคว้าชัย 72 เกมได้ถึง 6 เกม

           

  • ปี 1999 นิว ยอร์ค นิกส์ พลิกล็อกใส่ ไมอามี่ ฮีต 3-2

 

           

ซีซันดังกล่าวแข่งกันสั้นแค่ 50 เกมเพราะเกิดการล็อกเอาต์, ฮีตสถิติ 33-17 เท่ากับอีก 2 ทีม แต่ได้อันดับ 1 จากเรื่องทายเบรกเกอร์

 

ส่วนนิกส์ แม้จะเป็นอันดับ 8 แต่ชนะน้อยกว่าฮีตฤดูกาลปกติแค่ 6 เกม

 

แข่งเกมแรกนิกส์ต้อน 20 แต้ม จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็สลับชนะใส่กันเป็นสิบคะแนน

 

มาตัดสินเกม 5 นิกส์ตามหลังแต้มหนึ่ง อัลลัน ฮิวสตั้น โผเข้าชู้ตลูกตัดสินเกม ระยะ 14 ฟุต บอลกระฉอกหน้าห่วง ปลิ้นไปกระแทกแบ็กบอร์ดแล้วก็ลงห่วง เมื่อเหลือ 0.8 วินาที

 

แพทริก ยูวิ่ง เซ็นเตอร์ นิว ยอร์ค สุดยอดเช่นกัน กัดฟันแข่งทั้งที่บาดเจ็บ ทำ 22 แต้ม 11 รีบาวด์

 

ภายหลังพวกเขายังเป็นทีมอันดับ 8 รายแรกและรายเดียวมาจนปัจจุบันที่หลุดเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ไปพบ ซาน แอนโตนิโอ สเปอร์ส ก่อนปราชัยใน 5 เกม

 

NBA ตัดสินใจเพิ่มการแข่งเพลย์ออฟรอบแรกให้กลายเป็นเบสต์ ออฟ เซเวน ปี 2003 โดยปีนั้น ออร์แลนโด้ แมจิก นำซีรีส์รอบแรกเหนือ ดีทรอยท์ พิสตันส์ 3-1 เกม ซึ่งถ้าเป็นกฎเก่าพวกเขาก็เข้ารอบไปแล้ว กลายเป็นว่าพิสตันส์ยังได้ต่อลมหายใจ แซงกลับมาชนะเกม 7 สำเร็จ

 

  • ปี 2007 โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส พลิกล็อกใส่ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ 4-2

 

แมฟเวอริกส์หวังล้างตาจากที่เคยพ่ายรอบชิงชนะเลิศปี 2006 ต่อไมอามี่ ฮีต 2-4 เกม ด้วยการคว้าชัย 67 เกมในซีซันต่อมา นั่นคือสถิติดีสุดลีกแบบทิ้งห่างคู่แข่งอย่างน้อย 6 เกม ครองอันดับ 7 สถิติชนะร่วมตลอดกาลของลีก

 

เดิร์ก โนวิตซกี้ ผู้เล่นเสาหลัก ได้ตำแหน่ง MVP หรือผู้เล่นทรงคุณค่า มาครองด้วย

 

แน่นอน พวกเขาคือเต็งแชมป์ โดยได้แข่งรอบแรกพบกับวอร์ริเออร์ส ซึ่งดิ้นรนเข้ารอบมาได้เพราะการชนะ 16 จาก 21 นัดสุดท้าย

           

สโลแกนของวอร์ริเออร์สยุคดังกล่าวก็คือ ‘วี บีลิฟ’ (เราเชื่อมั่น) ถือเป็นหนึ่งในชุดผู้เล่นมีสีสันสุดของลีก แค่โค้ช ดอน เนลสัน ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

 

ลูกทีมของเขามีทั้ง แบร่อน เดวิส, สเตฟเฟ่น แจ็คสัน, มอนเท เอลลิส, แมตต์ บาร์นส, เจสัน ริชาร์ดสัน และ แอล แฮร์ริงตั้น เน้นการเล่นในแบบสมอลล์บอล เรียกว่าเป็นบาสเกตบอลที่ล้ำสมัย ชวนทะเลาะได้กับทุกทีม

 

คนดูสมัยยังอยู่โอราเคิล อารีนาในโอ๊คแลนด์ก็ฮึกเหิมมาก เนื่องจากวอร์ริเออร์สไม่ได้เข้าเพลย์ออฟมา 13 ปีแล้ว

 

วอร์ริเออร์สกำลังห้าว บุกชนะเปิดซีรีส์ และมาได้บรรยากาศคนดู เก็บชัยชนะในบ้านทั้ง 3 นัด ปิดฉากซีรีส์ในเวลาแค่ 6 เกม

 

3 ใน 4 เกมที่คว้าชัยขาดลอยระดับเป็นสิบแต้ม รวมทั้งถล่ม 25 คะแนน เกม 6

 

เดวิส สกอร์เฉลี่ย 25.0, แจ็คสัน 22.8 และริชาร์ดสันอีก 19.5 คะแนน

 

ท้ายสุด ‘วี บีลิฟ’ วอร์ริเออร์สหมดอัศจรรย์ พ่าย ยูท่าห์ แจซ รอบต่อมา 5 เกม แต่ยังสร้างความจดจำให้กับแฟนบาสย่านเบย์แอเรีย

           

  • ปี 2011 เมมฟิส กริซซลี่ส์ พลิกล็อกใส่ ซาน แอนโตนิโอ สเปอร์ส 4-2

 

ฝั่งตะวันตกของ NBA ช่วงต้นยุค 2010 ถือว่าโหดมาก คิดดูว่ากริซซลี่ส์เข้ารอบมาอันดับ 8 ยังชนะถึง 46 เกม ซึ่งถ้าเป็นซีซันปัจจุบันดีพอสำหรับอันดับ 4 ด้วยซ้ำ

 

ขณะที่สเปอร์สก็ยังเกรียงไกร คว้าชัย 61 เกม หลายฝ่ายมองว่ายังมีโอกาสจะได้แชมป์

           

กริซซลี่ส์ในชุดดังกล่าวคือต้นกำเนิดการเล่นในสไตล์วิ่งสู้ฟัด หรือ ‘กริต-เอ็น-กรายด์’ ทำให้ซีรีส์สูสีทีเดียว

 

พวกเขาชนะเกมแรกและเกมสามอย่างละ 3 แต้ม และ 5 จาก 6 เกม ตัดสินกันแบบหลักเดียว

 

จุดเปลี่ยนของสเปอร์สเกิดจาก มานู จิโนบลี่ หนึ่งในขุนพลสำคัญบาดเจ็บข้อศอก แข่งเปิดซีรีส์ไม่ไหว แม้จิโนบลี่จะกลับมาและแข่งโดยตลอดเกมที่เหลือ และเล่นดีด้วย แต่เกมเปิดซีรีส์คือหนเดียวที่ทีมเจ้าบ้านปราชัย

 

ปัจจัยต่อมาก็คือ แซ็ค แรนดอล์ฟ สามารถทำผลงานข่ม ทิม ดันแค่น ตำนานสเปอร์สเกือบทั้งซีรีส์ มีผลงานเฉลี่ย 21.5 คะแนน 9.2 รีบาวด์

 

นี่คือชัยชนะซีรีส์เพลย์ออฟหนแรกของแฟรนไชส์ กริซซลี่ส์ ซึ่งรอบต่อมาปราชัยโอคลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์ อย่างหวุดหวิด 3-4 เกม

 

2 ปีให้หลัง สเปอร์สโคจรกลับมาพบกริซซลี่ส์อีกครั้งในรอบชิงตะวันตก ปรากฏว่าสเปอร์สล้างแค้น กวาดซีรีส์อย่างง่ายดาย

 

  • ปี 2012 ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส ชนะ ชิคาโก้ บูลล์ส 4-2

 

 

ฤดูกาลนั้นก็เกิดการล็อกเอาต์แข่งไม่ครบอีกเช่นเคย บูลล์สผลงาน 50-16 ดีสุดในลีกเท่ากับสเปอร์ส ยึดบัลลังก์จ่าฝูงตะวันออก 2 ปีซ้อน

           

ความทรงจำของทุกคนก็คือ เดอร์ริก โรส การ์ดระดับ MVP ของบูลล์ส ขวัญใจแฟนบาสเกตบอล พาบอลทะลวงเข้าหาห่วงขณะทีมกำลังนำขาด แล้วก็ร่วงลงพื้นอย่างไม่เป็นท่า ผลคือเอ็นไขว้หน้าเข่าซ้ายขาด เป็นโชคชะตาที่พลิกผันสำหรับโรส ซึ่งไม่สามารถกลับมาคืนฟอร์มได้อีกเลย รวมทั้งบูลล์สซึ่งคาดหวังว่าเขาจะมาเป็นผู้กอบกู้แฟรนไชส์ต่อจาก ไมเคิ่ล จอร์แดน

 

ขณะที่ซิกเซอร์สชุดนั้นมี 3 ตัวดังซึ่งแข่งในลีกอย่างยาวนาน ทั้ง จรู ฮอลิเดย์, อันเดร อีกัวดาล่า และ ลู วิลเลี่ยมส์

 

บูลล์สเมื่อขาดแม่ทัพสำคัญไม่พอ ยังเสีย เซ็นเตอร์ โจอาคิม โนอาห์ เกม 4 และ 5 อีกคน พยายามสู้ได้แค่ 6 เกมก็ต้องตกรอบอย่างบอบช้ำ

           

ซิกเซอร์สแข่งรอบต่อไป พยายามสู้กับบอสตัน เซลติกส์ ได้ 7 เกม แล้วก็ปราชัย

 

นั่นคือความสำเร็จเกินคาดแล้ว ทำให้ฝ่ายบริหารหวังยกระดับด้วยการเทรด แอนดรูว์ บายนั่ม เข้ามา ปรากฏว่ากลายเป็นหายนะ จนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดนปลดออกระนาว

           

ทิ้งท้ายของเรื่องก็คือ ซีซันดังกล่าวบูลล์สได้ดราฟต์เด็กคนหนึ่งมาจากมหาวิทยาลัย มาร์เก็ตต์ อันดับแค่ 30 ชื่อว่า จิมมี่ บัตเลอร์!

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising