“มนุษย์คือผู้มีธรรมชาติที่ดี มีแรงจูงใจในด้านบวก เป็นผู้ที่มีเหตุผล สามารถได้รับการขัดเกลา สามารถตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตของตนเองได้ ถ้ามีอิสระเพียงพอ และมีบรรยากาศที่เอื้ออำนวย…”
ข้อความข้างต้นนั้น เป็นหนึ่งในความเชื่อของ คาร์ล โรเจอร์ นักจิตวิทยาสมัยใหม่ชาวอเมริกัน ที่ถูกสกัดออกมาเป็น ทฤษฎีตัวตน อันลือลั่น ซึ่งสะท้อนกลับให้เราเห็นความจริงที่ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปจนโลกใบนี้มีเทคโนโลยีและความเจริญมากแค่ไหน มนุษย์ยังคงหวงแหนและต้องการปกป้องตัวตน
ในอดีตเมื่อครั้งที่ยังไม่รู้จักกับโซเชียลมีเดีย เราต่างเติบโตมาพร้อมกับ ‘พื้นที่’ ในการแสดงตัวตนแทบทุกช่วงวัย เมื่อครั้งเป็นเด็ก เรามี ‘สนามเด็กเล่น’ ไว้คอยแสดงตัวตนของตนเอง เติบโตมาเป็นวัยรุ่น เรามีพื้นที่เฉพาะที่มักจะไปเพื่อแสดงตัวตน เราฟังเพลง แต่งตัว อ่านหนังสือ พยายามก่อร่างสร้างตัวตนให้แข็งแกร่ง ซึ่งช่วงวัยรุ่นนี้เองที่ตัวตนของแต่ละคนจะเริ่มชัดเจนมากขึ้น พอก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เรามีที่ทำงาน หรือแม้แต่บ้าน ไว้ให้ระบายออกซึ่งความเป็นตัวเอง
ทว่าเมื่อโลกผันเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงพื้นที่ในการแสดงตัวตน ถึงขนาดมีผลสำรวจออกมาว่าชาวไซเบอร์ช่วงอายุระหว่าง 13-36 ปี ใช้เวลาไปกับโลกออนไลน์มากถึง 10 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อเสพสื่อ แสดงออกทางความคิด ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น นั่นจึงทำให้พื้นที่แสดงตัวตนเปลี่ยนถ่ายมาอยู่ในโลกออนไลน์แทน ซึ่งนับเป็นช่องทางหลักและช่องทางสำคัญที่วัยรุ่นวัยเรียนเลือกใช้ ถ้าจะบอกว่าโลกออนไลน์อาจมีสถานะที่ไม่ต่างจากสนามเด็กเล่นในยุคก่อนก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะนี่คือพื้นที่ที่ทุกคนต่างก็สามารถแสดงตัวตนอย่างมั่นใจผ่านสมาร์ทโฟน แทนการไปกระโดดโลดเต้นหรือเริงร่าในสนามเด็กเล่น แต่ต่างกันตรงที่ว่า สนามเด็กเล่น ผู้ปกครองสามารถแวะเวียนไปดูแลลูกหลานของตนเองได้ แต่กับโลกออนไลน์นั้นไม่ใช่ ทำให้เกิดความกังวัลต่อผู้ปกครองในความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความเป็นสาธารณะ
TikTok คือ แพลตฟอร์มที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก ความที่มีรูปแบบคอนเทนต์ที่เปิดกว้างในเชิงการสร้างสรรค์ สนุกสนาน โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่เน้นให้ผู้ใช้งานนำเพลง/ดนตรี มาประกอบวิดีโอ รวมถึงเนื้อหาหลากหลายที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงง่าย จึงเป็นที่โปรดปรานในกลุ่มผู้ใช้งาน Gen Y และ Gen Z ได้ไม่ยาก
ในเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปีที่ TikTok เข้ามาสร้างออนไลน์คอมมูนิตี้ให้กับชาวเน็ต เรามองเห็นได้ถึงการพัฒนาความหลากหลายของคอนเทนต์คุณภาพเพื่อทุกคน รวมถึงการใส่ใจด้าน Safety Policy ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์ โดย TikTok ได้พัฒนาระบบให้รองรับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัว ในขณะที่เอื้ออำนวยให้ผู้ใช้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกสำหรับผู้ใช้งาน จนกลายเป็นสนามเด็กเล่นที่มีความปลอดภัยสูง (Safe Digital Playground) โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก พ่วงด้วยฟังก์ชันการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเป็นตัวเสริม อีกทั้งยังเข้าอกเข้าใจบรรดาผู้ปกครองที่เป็นห่วงเรื่องการเสพรับเนื้อหาบนโลกออนไลน์ของลูกหลาน จึงมีฟีเจอร์ Parental Control ไว้ให้คอยดูแลอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ได้อีกทอดหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีศูนย์ความปลอดภัยระบบระดับโลก ในการคัดกรองเนื้อหา ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องมือที่มีอัลกอริธึมที่ล้ำสมัย และทีมงานที่มีประสิทธิภาพที่ทุ่มเทให้กับการเฝ้าติดตามเนื้อหา เพื่อตอบรับการเพิ่มขึ้นของคอนเทนต์ที่ผู้ใช้งานสร้างสรรค์ขึ้นมา ทีมงานเหล่านี้ยังสนองนโยบายความปลอดภัย โดยทำหน้าที่รับเรื่องการรีพอร์ต (Report) หรือการรายงานเนื้อหา ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน สร้างชุมชนคุณภาพให้ผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมในการช่วยสอดส่องร้องเรียนวิดีโอ คอมเมนต์ หรือบัญชีผู้ใช้ที่ไม่เหมาะสม หรือมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และจะตรวจสอบการร้องเรียนตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน และอาจลบบัญชีผู้ใช้หรือดำเนินการอื่นๆ หากพบว่าผู้ใช้เหล่านั้นฝ่าฝืนแนวปฏิบัติของชุมชน ซึ่ง TikTok ให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวมาก มีการสร้างข้อตกลงในการใช้งาน มีฟังก์ชันการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ tiktok.com/safety)
สำหรับผู้ปกครองที่มีความกังวลใจในการใช้งานของลูกหลาน ทั้งในเรื่องเวลาในการใช้งาน ความเป็นส่วนตัว คอนเทนต์ที่เหมาะสมต่อการเสพรับ ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ที่ชื่อว่า ‘สุขภาวะดิจิทัล’ จำกัดเวลาหน้าจอการใช้งานสำหรับบุตรหลานของคุณได้ ด้วยการตั้งขีดเวลาการใช้งาน ตั้งแต่ 40 นาที จนถึง 2 ชั่วโมงต่อวัน และยังสามารถเปิดระบบคัดกรองเนื้อหาที่รู้สึก Positive หรือ Negative เป็นการส่วนตัวได้ เพียงเท่านี้ก็มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัว และสุขภาวะทางดิจิทัลของคุณและลูกหลานจะปลอดภัยไร้กังวล
และนั่นจึงทำให้เราเชื่อมั่นว่า ชุมชนโลกออนไลน์ที่มีคุณภาพมีอยู่จริง บนดินแดน TikTok ดินแดนที่ปลอดภัยต่อการแสดงออกซึ่งตัวตน ดินแดนที่ทุกคนต่างร่วมกันช่วยสร้างสังคมในเชิงสร้างสรรค์ ดินแดนที่พ่อแม่ผู้ปกครองคลายกังวลต่อการเติบโตของบุตรหลาน
นี่คือภาพที่ตัวตนอันแสนหวงแหน บนพื้นที่สาธารณะสามารถดำเนินไปด้วยกันได้ แบบที่ทุกฝ่ายต่างก็วินวิน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์