วันนี้ (16 ตุลาคม) เวลา 12.40 น. ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมายังที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เพื่อยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรค ขอให้มีมติขับสมาชิกฐานทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง จากกรณีมีคลิปเสียงเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด
ษิทรากล่าวว่า ตนต้องการให้ทางพรรคตรวจสอบคลิปเสียงที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ‘บอสพอล’ ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กรณีเรียกรับเงินเดือนละ 100,000 บาท พร้อมทั้งพูดทำนองว่าสามารถโยกย้ายข้าราชการได้ ว่าเสียงดังกล่าวใช่เสียงของหนึ่งในสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ทั้งนี้จากการสอบถาม สิระ เจนจาคะ และ วัน อยู่บำรุง ต่างยืนยันว่า คลิปดังกล่าวเป็นเสียงของหนึ่งในสมาชิกพรรคจริง แต่ตนไม่รู้ว่าทางหัวหน้าพรรคจะมีมติอย่างไร จะปกป้องหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนตัวมองว่าควรมีมติขับออกจากพรรค เพราะอดีตก็เคยมีข่าวไม่ดีแต่กลับมามีตำแหน่งสำคัญในพรรค
ส่วนกรณีที่เจ้าตัวออกมาปฏิเสธ อ้างว่าเป็นเสียง AI นั้น ษิทรากล่าวว่า ไม่อายบ้างเหรอ ถามจริง คนรู้กันทั้งประเทศ ขอให้ออกมายอมรับแบบลูกผู้ชาย ซึ่งตนไม่กลัวที่จะถูกฟ้อง และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลดังกล่าวจะฟ้องผู้ที่ให้ข้อมูลนั้น ษิทรากล่าวว่า ฟ้องไปเถอะ จะชนะคดีหรือไม่ ฟ้องมาก็ฟ้องกลับ ที่ตนพูดคือเรื่องจริง ต้องการให้มีการตรวจสอบ ต้องการให้มีคนมีคุณภาพอยู่ในพรรคการเมือง จะอาสาเป็นผู้รับใช้ประชาชนตัวเองต้องใสสะอาด ไม่ใช่ไปไถบริษัทโน้นบริษัทนี้ เรื่องจริงรับไม่ได้ อีกทั้งก่อนจะมาทางพรรคประชารัฐไม่รู้ว่าจะมีใครออกมารับหนังสือหรือไม่ เพราะไม่มีใครอยู่ ตนก็ทำใจ อาจจะยื่นกับ รปภ. หรือศาลพระภูมิ แต่มีเจ้าที่มารับแล้วก็ถือว่าโอเค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกำหนดไทม์ไลน์หรือไม่ว่าจะต้องตรวจสอบเสร็จสิ้นเมื่อไร ถ้าหากไม่มีแอ็กชันจากพรรคจะเอาผิดอย่างไร ษิทราย้ำว่า การตรวจสอบไม่น่าใช้เวลานาน ตนจะอ้างพยานที่เคยเป็นเพื่อนของเขาออกมา เป็นพยานวันเดียวก็เสร็จ ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นแล้วน่าจะไม่เกินหนึ่งเดือน คลิปเสียงเต็มโซเชียลไปหมด นอกจากว่าทางพรรคพลังประชารัฐจะช่วยเหลือ ทำให้คิดได้ว่าการที่ เอกภพ เหลืองประเสริฐ (เอก สายไหมต้องรอด) มาพูดว่ามีเทวดาหรือไม่ที่มารับเงินจากดิไอคอนกรุ๊ป เทวดาตัดสินอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ หากมีการปกปิด ผู้กระทำความผิดไม่ถูกทำโทษ อาจจะเอื้อหรือมีผลประโยชน์กันมาตั้งนานแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ ษิทราย้ำว่า ถ้าเปิดโดยนักการเมืองก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ใช่ ออกข่าวไปเยอะ ตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคไหน ไม่มีประเด็นทางการเมืองแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องถึงกรณีที่นักข่าวที่สภาโทรคุยกับบุคคลดังกล่าว ว่าทนายตั้มจะยื่นร้องที่พรรค พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องชี้แจงอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ษิทรากล่าวว่า เขาเป็นคนไม่แคร์ใคร เขาคิดว่าสนิทกับหัวหน้าพรรค เป็นลูกรัก ต้องถามลุงป้อมว่าเสียใจกับคนคนนี้มาแล้วกี่ครั้ง อะไรที่เขาเคยรับปากไว้เคยทำได้อย่างที่รับปากหรือไม่ ถ้าอยากจะปกป้องคนแบบนี้ก็ตามใจ หากคิดว่ากระบวนการตรวจสอบของพรรคตัวเองไม่ให้ค่า ไม่ให้ความสำคัญก็เรื่องของคุณ เพราะเป็นพรรคของคุณเอง ขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะพิจารณาอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า บุคคลดังกล่าวไม่ทราบว่าษิทราจะเดินทางมายื่นคำร้องที่พรรคพลังประชารัฐ ษิทราโต้กลับว่า “รู้แล้วจะอย่างไร รู้แล้วจะมาเจอกันต่อหน้าหรือไม่ หรือจะให้ไปเจอที่รายการไหน ช่องไหนก็ได้ ส่วนจะให้ตนไปออกรายการพร้อมกันทั้งสามคนกับบอสพอล ตนมองว่าเวลาของบอสพอลใกล้หมดลง”
