วันนี้ (9 ตุลาคม) เวลา 07.00 น. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( สทนช. ) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมเวลาพบว่า ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง สูงสุดภาคตะวันตกที่จังหวัดราชบุรี (102 มิลลิเมตร) ภาคใต้ที่จังหวัดตรัง (83 มิลลิเมตร) ภาคเหนือที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน (77 มิลลิเมตร) ภาคกลางที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร (74 มิลลิเมตร) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดศรีสะเกษ (70 มิลลิเมตร) ภาคตะวันออกที่จังหวัดสระแก้ว (65 มิลลิเมตร)
ขณะที่สภาพอากาศวันนี้ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ในขณะที่มีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง
ทั้งนี้ คาดการณ์ช่วงวันที่ 10-14 ตุลาคม 2567 ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และอ่าวไทย รวมทั้งร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่างและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
ขณะที่สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม ปริมาณน้ำรวม 78% ของความจุเก็บกัก (62,728 ล้านลูกบาศก์เมตร) ปริมาณน้ำใช้การ 66% (38,538 ล้านลูกบาศก์เมตร)
อย่างไรก็ตาม สทนช. ประกาศเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 13-24 ตุลาคม 2567 เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมวลน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำไหลลงมาสมทบ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำนั้น วานนี้ (8 ตุลาคม) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่ง สปป.ลาว และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติของไทย
สำหรับบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านน้ำระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพที่ครอบคลุมประเด็นด้านน้ำในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการและน้ำบาดาลเพื่อความยั่งยืน นโยบายด้านทรัพยากรน้ำ การป้องกันภัยพิบัติและระบบเตือนภัยล่วงหน้า การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดนภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมนั้นพบว่าในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมือง, แม่สาย, แม่ลาว, เวียงป่าเป้า, เวียงชัย และเชียงแสน) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอเมือง, แม่วาง, ดอยหล่อ, หางดง, สันป่าตอง, แม่แตง และสารภี) จังหวัดลำพูน (อำเภอเมือง) จังหวัดลำปาง (อำเภอเถิน) จังหวัดตาก (อำเภอสามเงาและบ้านตาก) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมือง, วัดโบสถ์, วังทอง, พรหมพิราม, บางระกำ, บางกระทุ่ม และนครไทย) จังหวัดสุโขทัย (อำเภอเมือง, ศรีสำโรง, ศรีสัชนาลัย และสวรรคโลก) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอเมือง)
จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองและสร้างคอม) จังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอยางตลาด, หนองกุงศรี, ท่าคันโท, สหัสขันธ์ และฆ้องชัย) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอคอนสวรรค์ ซับใหญ่ และจัตุรัส) จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอเมืองและกันทรวิชัย) จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเมืองและสว่างวีระวงศ์)
จังหวัดสิงห์บุรี (อำเภอเมือง, พรหมบุรี และอินทร์บุรี) จังหวัดสุพรรณบุรี (อำเภอเมือง, เดิมบางนางบวช, บางปลาม้า, สองพี่น้อง, ศรีประจันต์ และสามชุก) จังหวัดอ่างทอง (อำเภอเมือง, วิเศษชัยชาญ และไชโย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อำเภอพระนครศรีอยุธยา, บางบาล, บางปะอิน บางปะหัน ผักไห่ เสนา และบางไทร) จังหวัดปทุมธานี (อำเภอเมืองและสามโคก) และจังหวัดนครปฐม (อำเภอนครชัยศรีและสามพราน)
