วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุของรถบัสนักเรียนไฟไหม้ว่า ขณะนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบรถบัสที่เกิดเหตุ ทั้งระบบแก๊ส, ระบบเบรก และการเดินรถ เพื่อความรอบคอบในการหาสาเหตุ
เบื้องต้นยืนยันว่าเกิดการรั่วไหลของแก๊สบริเวณส่วนหน้าของรถ แต่ส่วนอะไรเป็นตัวที่ทำให้เกิดประกายไฟจนลุกลาม รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วไหล ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่มีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ควบของรถหรือความเสื่อมสภาพของท่อต่อแก๊สต่างๆ ยังต้องรอการตรวจสอบ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ครั้งนี้มีแก๊สเข้าไปเป็นเชื้อเพลิงในการลุกไหม้ของรถทำให้ไฟลุกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแก๊สมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และทำการตรวจสอบในเชิงลึกโดยยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนที่มีการติดตั้งแก๊สเกินจำนวนกว่าที่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นหลักฐานชัดเจนที่มีการกระทำความผิด พล.ต.ท. ไตรรงค์ กล่าวว่า ที่ชัดเจนตามคลิปวิดีโอคือเกิดเพลิงขึ้นมาช่วงด้านล่าง ซึ่งพบว่าด้านล่างมีท่อแก๊สอยู่และมีแก๊สรั่วไหล ส่วนประกายไฟและแก๊สที่รั่วไหลเกิดจากอะไร จากการประชุมสรุปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
สำหรับรถคันนี้ได้รับอนุญาตให้มีการติดตั้งแก๊ส NGV จำนวน 6 ถัง แต่รถคันนี้เกินมา 5 ถัง ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสงสัยไว้ 2 สาเหตุ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน เพื่อตามหาว่าอะไรเป็นตัวจุดประกายไฟทำให้เชื้อเพลิงแก๊สที่รั่วออกมาติดไฟและลามไหม้ตัวรถ
ส่วนข้อสังเกตต่างๆ ที่ได้มีการตั้งข้อสันนิษฐานกันไว้ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ระบุว่า ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานมีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ตามหลักการวิทยาศาสตร์ จะต้องทำการตรวจพิสูจน์ให้ละเอียดเพื่อที่จะส่งให้พนักงานสอบสวน
ตนขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่สามารถปฏิบัติหน้าที่และสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามมาตรฐาน สามารถคืนร่างของผู้เสียชีวิตให้กับครอบครัวภายใน 27 ชั่วโมง เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีความห่วงใยประชาชน
