วันนี้ (17 กันยายน) เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตามที่เห็นข่าว ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องที่ตนตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ทำให้นึกถึง จึงไปตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของชูศักดิ์ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ว่าเป็นไปโดยถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่
เรืองไกรกล่าวว่า จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน รายได้ ยอดเสียภาษี พบข้อสังเกตอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ดังนี้
ข้อ 1 ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ซึ่ง ป.ป.ช. ลงรับไว้เลขที่ 689 วันที่ 21 สิงหาคม 2566 ดังความควรแจ้งแล้วนั้น
ข้อ 2 ในส่วนรายได้ต่อปี (โดยประมาณ) ของ ชูศักดิ์ ศิรินิล แจ้งไว้ดังนี้
- เงินบำนาญ 365,186.40 บาท
- ค่าตอบแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1,362,720.00 บาท
- ค่าเช่าที่นา จังหวัดพิจิตร 50,000.00 บาท
- ค่าเช่าคอนโดมิเนียม 24,000.00 บาท
- เงินปันผลสหกรณ์ออมทรัพย์ 100,000.00 บาท
- รายได้จากลูกสาวสองคน 480,000.00 บาท
- ค่าตอบแทนวิชาชีพ ก.ม. (ที่ปรึกษาเป็นครั้งคราว) 200,000.00 บาท
รวมรายได้ต่อปี 2,581,906.40 บาท
ข้อ 3 ในส่วนรายได้ต่อปี (โดยประมาณ) ของคู่สมรส ชูศักดิ์ ศิรินิล แจ้งไว้ดังนี้
- เงินบำนาญ 193,392.00 บาท
- เงินปันผลสหกรณ์ออมทรัพย์ 10,000.00 บาท
- ดอกเบี้ยพันธบัตร-บัญชีเงินฝาก 5,000.00 บาท
- รายได้จากลูกสาวสองคน 480,000.00 บาท
รวมรายได้ต่อปี 688,392.00 บาท
ข้อ 4 ชูศักดิ์ ศิรินิล ได้แจ้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีที่ผ่านมา เป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (1)-(8) จำนวน 365,186.40 บาท ของคู่สมรส 193,397.00 บาท เมื่อหักรายได้ในส่วนที่ไม่ต้องนำมาคำนวณเสียภาษี กรณีของคู่สมรสไม่มีเหตุอันควรสงสัย แต่ในกรณีของชูศักดิ์ มีเหตุอันควรสงสัยว่า ได้นำรายได้ค่าเช่าที่นา 50,000.00 บาท และรายได้ค่าเช่าคอนโดมิเนียม 24,000.00 บาท รายได้ค่าตอบแทนวิชาชีพ ก.ม. (ที่ปรึกษาเป็นครั้งคราว) 200,000 บาท ไปรวมเสียภาษีให้รัฐหรือไม่
ข้อ 5 ตามบัญชีทรัพย์สิน รายการที่ดิน ในส่วนของชูศักดิ์ได้แจ้งไว้ในลำดับที่ 4 คือ ห้องชุดสมุทรปราการ เนื้อที่ 26.25 ตารางวา ได้มาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2549 โดยมีการซื้อขายมูลค่า 300,000 บาท
ข้อ 6 ตามบัญชีทรัพย์สิน รายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ชูศักดิ์ได้ยื่นของตนเองในลำดับที่ 2 คือ คอนโดมิเนียมชั้น 5 มหาทรัพย์คอนโด สมุทรปราการ ระบุเลขเอกสารสิทธิ์ ไม่ระบุเนื้อที่ ได้มาเมื่อปี 2549 โดยการซื้อ มูลค่า 300,000 บาท
กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไปว่า ในส่วนรายได้นั้น ชูศักดิ์ได้เสียภาษีเงินได้ให้กรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ในส่วนรายการทรัพย์สินที่เป็นอาคารชุดกับคอนโดมิเนียมนั้น เป็นรายการที่ซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ทำให้การแจ้งยอดรวมทรัพย์สินถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ และเนื้อที่ 26.25 ตารางวา ถูกต้องหรือไม่ ควรจะเป็นตารางเมตรหรือไม่
เรืองไกรจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของชูศักดิ์ ว่าได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินโดยถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ และเสียภาษีให้รัฐโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (16 กันยายน) ชูศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการร้องเรียนรัฐบาลในเรื่องต่างๆ โดยระบุว่า คำร้องประเภทดังกล่าวทำให้เสียเวลาทำงานให้ประเทศ เพราะเป็นเรื่องจุกจิก ไม่มีสาระ พร้อมให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจำเป็นต้องดำเนินการกรณีที่คิดว่าสามารถทำได้ โดยให้ดูเป็นพิเศษ เพื่อจัดการตอบแทนกันบ้าง
