แม่น้ำแอมะซอน เผชิญภัยแล้งรุนแรง น้ำลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ กระทบน้ำดื่ม-ใช้

ระดับน้ำในแม่น้ำมาเดรา (Madeira) ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดของแม่น้ำแอมะซอน ในเวลานี้กำลังเผชิญกับภาวะแห้งแล้งที่รุนแรงที่สุด และปริมาณฝนที่ลดลง ซึ่งสร้างความท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อนให้กับชาวริเบรินโญส (Ribeirinhos) ที่อาศัยอยู่ตามแนวฝั่งแม่น้ำสายนี้

เมื่อแม่น้ำกลายเป็นเส้นทางที่ยากจะเดินเรือ และน้ำไม่สะอาดพอที่จะดื่ม ชุมชนชนบทดั้งเดิมหลายแห่งที่อาศัยอยู่ตามฝั่งแม่น้ำจึงต้องพึ่งพาการจัดส่งน้ำดื่มจากภายนอกเป็นหลัก โดยกลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องเดินไกลขึ้นเพื่อไปหาน้ำ ซึ่งปกติแล้วชาวริเบรินโญสจะใช้น้ำโดยตรงจากแม่น้ำหรือผ่านระบบเชื่อมต่อ แต่เมื่อน้ำลดลงอย่างมาก ระบบการจัดหาน้ำแบบเดิมก็ไม่สามารถใช้งานได้

ด้าน เจา แฟร์ไรรา ผู้นำชุมชนกล่าวว่า ฝั่งแม่น้ำห่างจากบ้านบางหลังถึง 800 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางไกลสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ในเวลานี้ ชาวบ้านหลายคนจึงต้องพึ่งพาน้ำดื่มจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรหรือรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดหาน้ำดื่ม

หน่วยงานธรณีวิทยาของบราซิล (SGB) เตือนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า แม่น้ำทุกสายในลุ่มน้ำแอมะซอนมีแนวโน้มที่จะลดต่ำกว่าระดับปกติที่เคยบันทึกไว้ นอกจากนี้ ผลพวงจากระดับน้ำที่ลดลงยังส่งผลกระทบต่อการขนส่งถั่วเหลืองและข้าวโพดในรัฐทางตอนกลาง-ตะวันตก เช่น มาตูโกรซู ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพืชหลักของประเทศอีกด้วย

นอกจากนี้ บราซิลยังเผชิญกับไฟป่าที่รุนแรงตลอดช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาด้วย ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากภาวะ ‘แล้งจัด’ และคลื่นความร้อนที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตรง สภาพแห้งแล้งทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่ของป่าแอมะซอนมีความเปราะบางต่อไฟป่าอย่างมาก โดยไฟป่าเหล่านี้เกิดขึ้นควบคู่กับอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศชี้ว่า สภาพการณ์เช่นนี้มีโอกาสเกิดมากขึ้นถึง 5 เท่า