ความไม่พอใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยพุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในกลุ่มประเทศร่ำรวยมากกว่าความกังวลด้านอื่นๆ เช่น การดูแลสุขภาพ และการศึกษา
จากข้อมูลของ Gallup Analytics พบว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มประเทศสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ไม่พอใจกับราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากธนาคารกลางต่างๆ ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ทำให้หลายคนเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ยากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ข้อมูลของ Gallup ซึ่งอิงจากคำตอบของผู้คนมากกว่า 37,000 คน ใน 37 ประเทศในกลุ่มประเทศ OECD แสดงให้เห็นว่าความไม่พอใจเกี่ยวกับความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นสูงที่สุดในกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และผู้ที่มีอายุ 30-49 ปี, ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ไม่พอใจกับที่อยู่อาศัย ประมาณ 44% ส่วนผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และอายุระหว่าง 30-49 ปี มีสัดส่วนที่ไม่พอใจ 55% และ 56% ตามลำดับ
นอกจากนี้ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งสูงจนคิดเป็น 8 เท่าของค่าจ้างเฉลี่ยต่อปี เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 1997 และจำนวนครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวในอังกฤษก็อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน คิดเป็นประมาณ 30% ของประชากรในกลุ่มประเทศ OECD
และในเยอรมนี สัดส่วนของผู้ที่ไม่พอใจเกี่ยวกับความพร้อมในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงเพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดใหม่ที่ 46%จาก 42% ในปี 2023 และมากกว่า 2 เท่าจากปี 2012 ส่วนในสเปน สัดส่วนของผู้ที่ไม่พอใจกับที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 62% ในปี 2024 ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยลดราคาอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศในยุโรปลงได้ แต่ที่อยู่อาศัยยังคงมีราคาแพงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด อย่างในสหรัฐอเมริกา ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นเกือบ 60% แม้จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันค่าเช่าก็พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ราคาสินค้าจำเป็นอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้น เช่น อาหาร และเชื้อเพลิง
นักวิจัยมองว่าวิกฤตความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดการก่อสร้างบ้านใหม่
Willem Adema นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสในแผนกนโยบายสังคมของ OECD กล่าวว่า “โดยพื้นฐานแล้วเราไม่ได้สร้างบ้านเพียงพอต่อความต้องการ” และเสริมว่า ผู้พัฒนาอสังหามักจะกำหนดเป้าหมายไปที่ครัวเรือนที่ร่ำรวยกว่า ซึ่งทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีความเครียดมากขึ้น
ขณะที่ Andrew Wishart นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าวว่า ความไม่พอใจเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจะส่งผลสำคัญต่อการเลือกตั้งในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะไปลงคะแนนเสียงในเดือนพฤศจิกายน
ราคาบ้านโดยเฉลี่ยตอนนี้สูงกว่าตอนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2021 เกือบ 38% ตามดัชนี Case-Shiller
งานวิจัยของ Joint Center for Housing Studies ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แสดงให้เห็นว่า การชำระเงินค่าที่อยู่อาศัยรายเดือนสำหรับบ้านราคาปานกลางที่มีเงินดาวน์ต่ำ ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ซื้อบ้านครั้งแรก ตอนนี้อยู่ที่ 3,096 ดอลลาร์ เทียบกับประมาณ 2,000 ดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2021
อ้างอิง:
