วันนี้ (18 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) และกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล หลังศาลแพ่งมีคำสั่งวานนี้ (17 กรกฎาคม) ให้ยุติการชุมนุมและรื้อถอนเต็นท์ที่กีดขวางการจราจรหลังศาลมีคำสั่งภายใน 7 วัน
เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่บังคับคดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมายังพื้นที่ชุมนุมเพื่อติดคำสั่งศาลบริเวณพื้นที่ชุมนุม แต่การชุมนุมยังคงเดินหน้าไปตามปกติ ไม่มีการยุติแต่อย่างใด
พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นที่ศาลสั่งให้ยุติการชุมนุมภายใน 7 วัน ทางเจ้าหน้าที่ให้นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง แต่เรามองว่าควรนับจากวันที่เจ้าหน้าที่นำหมายมาติด โดยวันนี้ทีมกฎหมายจะไปคัดคำร้องฉบับเต็มเพื่อขออุทธรณ์คำสั่งศาล เพราะมองว่าผู้ร้องยื่นคำร้องไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เช่น ที่ระบุว่ามีเสียงรบกวนการเรียนการสอน เราไม่เคยเปิดเวทีรบกวนขณะที่มีการเรียนการสอน แต่จะเปิดเวทีเฉพาะช่วงเย็น อีกทั้งจะขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมชั่วคราว
พิชิตกล่าวอีกว่า อยากจะขอให้ศาลแพ่งยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคำว่าชุมนุมนานเกินสมควร ซึ่งคำนี้ไม่มีในรัฐธรรมนูญ เพราะก่อนหน้านี้มีการชุมนุมของกลุ่มอื่นที่ยืดเยื้อกว่ากลุ่มของตน และยืนยันว่าพวกตนจะยังคงชุมนุม เพื่อให้มีการตรวจสอบกรณีศาลสั่งจำคุก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว จึงขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้าราชการที่เกี่ยวข้อง และจะยังตรวจสอบในประเด็นกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมคดีมาตรา 112 ไปด้วย
พิชิตยืนยันว่าไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งออกมาอย่างไรตนพร้อมปฏิบัติตาม และหากศาลไม่รับอุทธรณ์คำสั่งกรณีห้ามไม่ให้มีการชุมนุมบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ พวกตนอาจย้ายสถานที่ชุมนุมไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์ เราจะยังเคลื่อนไหวต่อ เพราะศาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม