Samsung Electronics บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประเมินว่า ในไตรมาส 2 ปี 2024 กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทมีโอกาสโตกว่า 15 เท่า แตะ 7.54 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.63 แสนล้านบาท) จากกระแส AI (Artificial Intelligence) ที่กำลังโต จนผลักดันให้ราคาชิปปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งทาง Samsung สามารถทำผลกำไรได้มากกว่าที่ LSEG SmartEstimate รวบรวมจากนักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ราว 6.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 แสนล้านบาท) ขึ้นเป็นไตรมาสที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดของ Samsung นับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2022
นักวิเคราะห์ยังอธิบายต่อไปว่า การที่ Samsung สามารถทำกำไรได้มากกว่าที่ประเมินไว้นั้นไม่ได้มาจากเพียงราคาชิปที่ปรับสูงขึ้น แต่ยังมาจากจำนวนยอดการสั่งซื้อปริมาณมาก ทำให้สามารถกลับรายการสินค้าคงคลังทางบัญชีได้
ไม่เพียงเท่านั้น ในไตรมาส 2 ปี 2024 รายได้ของ Samsung มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า แตะ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งงบการเงินในไตรมาสดังกล่าวจะเปิดเผยในช่วงวันที่ 31 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
โดยหน่วยธุรกิจด้านชิปเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung คาดว่า รายงานผลกำไร 2 ไตรมาสติด จากราคาชิปที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากช่วงกลางปี 2022 ถึงปลายปี 2023 กระแสการซื้ออุปกรณ์ไอทีหลังโควิดเริ่มชะลอตัวลง
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ชิป DRAM แบบไฮเอนด์ อาทิ ชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ในอุปกรณ์สำหรับ AI และเซิร์ฟเวอร์ของ Data Center จะเติบโตเป็นอย่างมาก
จากข้อมูลของ TrendForce ชี้ว่า ในช่วงไตรมาส 2 ราคาเมโมรีชิปเพิ่มขึ้นราว 13-18% จากช่วงก่อนหน้า ในขณะที่ชิป DRAM และ NAND Flash (สำหรับ Data Center) ปรับขึ้น 15% และ 20% ตามลำดับ แต่ทั้งนี้อาจชะลอตัวลงเหลือ 5-10% ในช่วงไตรมาส 3
แต่ถึงอย่างนั้นเอง นักวิเคราะห์ชี้ว่า Samsung ก็ยังเป็นรองคู่แข่งผู้ผลิตชิปในประเทศอย่าง SK Hynix สำหรับการผลิตชิป HBM แบบไฮเอนด์ ให้กับคู่ค้ารายใหญ่อย่าง NVIDIA
อ้างอิง:
