วันนี้ (4 กรกฎาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1264/2566 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือ บังเอิญ อายุ 26 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ และขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนนหรือในที่สาธารณะ
กรณีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 17.40 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้พบศุทธวีร์กำลังพ่นสีสเปรย์อยู่บริเวณกำแพงรั้วพระบรมมหาราชวัง ฝั่งถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โดยมีพวกของผู้ต้องหาทำหน้าที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวบันทึกไว้ขณะที่ศุทธวีร์กำลังพ่นสีอยู่ ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางกระป๋องสีสเปรย์ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคนอื่นหลบหนีไปได้ เหตุเกิดที่กำแพงรั้วพระบรมมหาราชวัง ฝั่งถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
ช่วงเช้าวันนี้ ศุทธวีร์ จำเลย และทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 32 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 4, 12, 36
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน มาตรา 4, 32 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทลงโทษที่หนักที่สุด ฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน และขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดถนนหรือที่สาธารณะ
ให้จำคุกศุทธวีร์ จำเลย 1 ปี แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ริบกระป๋องสีสเปรย์ของกลาง จำนวน 2 กระป๋อง ข้อหาอื่นให้ยก
