วันนี้ (30 มิถุนายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายเอกชนมากกว่า 100 องค์กร ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ชาติไทยกับขบวนพาเหรดที่ยาวที่สุดในเอเชีย ภายใต้งาน LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 เฉลิมฉลองส่งท้ายอย่างยิ่งใหญ่เทศกาลระดับโลก ‘WORLD PRIDE 2024’ ขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่และยาวที่สุดในเอเชียกว่า 6 กิโลเมตร จากสนามกีฬาแห่งชาติสิ้นสุดที่อุทยานเบญจสิริ เพื่อเฉลิมฉลองสำหรับเดือนแห่งความภาคภูมิใจ หลังจากที่รัฐสภาได้รับรองกฎหมายสมรสเท่าเทียม และสนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ
ทั้งนี้ ภายในงานมีขบวนพาเหรดทั้งสิ้น 5 ขบวน โดยมีนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญทั้งจากภาครัฐ องค์กรรัฐ มาร่วมงานมากมาย เช่น ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร เดอะมอลล์ กรุ๊ป รวมถึงบุคคลสำคัญอีกมากมาย
- ขบวนที่ 1 ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต แอนโทเนีย โพซิ้ว และเพื่อนนางงาม พร้อมด้วยทีมนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก อินฟลูเอ็นเซอร์ รวมถึงการฉลองกฎหมายสมรสเท่าเทียมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- ขบวนที่ 2 ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองไทย เช่น กลุ่มธุรกิจสายการบิน โรงแรม ธนาคารพาณิชย์ นักแสดงจาก GMMTV เข้าร่วมขบวน
- ขบวนที่ 3 นำเสนอความสนุกในความหลากหลายของธุรกิจแฟชั่นชั้นนำที่มีชื่อเสียง และกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง กลุ่มธุรกิจรีเทล
- ขบวนที่ 4 ประกอบด้วยกลุ่มมิวสิกเฟสติวัล เช่น GCIRCUIT, S2O, White Party สยามสงกรานต์ ฯลฯ คาเฟ่บีชคลับสุดหรูและบีชคลับบนเรือ Café del Mar, Catch และ YONA ซึ่งเป็นเสน่ห์ท่องเที่ยวด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์สำคัญของเกาะภูเก็ต พร้อมด้วยขบวนรถซูเปอร์คาร์ที่หาชมได้ยากอย่าง Ferrari, Lamborghini
- ขบวนที่ 5 ขบวนรถมิสทิฟฟานี่ ขบวนบางกอกไพรด์ ที่มีทูตนฤมิตบางกอกไพรด์มาสร้างสีสัน, ขบวน DRAG Bangkok ขบวนสปอร์ต คู่รัก LGBTQIA+
เศรษฐากล่าวแสดงความยินดีที่ได้รับเกียรติให้เป็นประธาน งานครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพ และการสร้างความเท่าเทียมแก่ผู้คนทุกกลุ่มในสังคม โดยชาว LGBTQIA+ เป็นกลุ่มคนที่รัฐบาลไม่ละเลย และตั้งใจอย่างเต็มที่ในการยกระดับสิทธิขั้นพื้นฐาน ในวันนี้ต่างจากปีอื่น พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ได้ผ่านการพิจารณาของสภาแล้ว เป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งที่น่ายินดีของชาว LGBTQIA+ ทุกคน
เศรษฐากล่าวต่อว่า รัฐบาลยังพร้อมสนับสนุนให้เทศกาลไพรด์เป็นงานเฟสติวัลสำคัญที่สามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+ เป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง รัฐบาลสนับสนุนให้มีการจัดงานในเทศกาลไพรด์ทั่วทั้งประเทศ เพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับสิทธิความเสมอภาคและความหลากหลายทางเพศ พร้อมจะผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพการจัดงาน ‘WorldPride 2030’ ซึ่งยังมีอีกหลายขั้นตอน เราต้องช่วยผลักดันในอีกหลายๆ พ.ร.บ. เพื่อให้เกิดความสำเร็จ
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า งานในวันนี้นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ประเทศไทยในด้านความเป็นมิตรต่อกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลกแล้วยังสามารถส่งต่อแนวคิดสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของประเทศไทย ผ่านขบวนพาเหรดที่สื่อความหมาย ‘Pride’ ของประเทศไทย ได้แก่ เทศกาลและประเพณีไทย แฟชั่น อาหาร สื่อเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และกีฬา
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันจัดงานในวันนี้เพื่อให้เป็นวาระของการสื่อความหมายความเท่าเทียมทางสังคม
