วันนี้ (20 มิถุนายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 3 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาท ในวันที่สอง ตลอดทั้งวันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันอภิปรายการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสังคม ครอบคลุมหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงกลาโหม โดยมีรัฐมนตรีสลับกันขึ้นนั่งบัลลังก์โดยไม่ได้ปล่อยเว้นว่างไว้
ปารมี ไวจงเจริญ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ โดยระบุว่า มีเด็กที่ไม่ได้อยู่บนระบบการศึกษามากถึง 1.02 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 8.4% ของนักเรียนไทยในระบบทุกสังกัดที่มีอยู่ 12 ล้านคน สะท้อนว่าใน 100 คนของเด็กไทย จะมีถึง 8 คนที่หลุดออกนอกระบบ โดยมีความยากจนเป็นสาเหตุหลัก
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เสนอของบมา 19,000 ล้านบาท หลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง แต่รัฐบาลจัดสรรให้งบแค่ 800 ล้านบาท หรือไม่ถึง 5% รัฐบาลที่อ้างว่าต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างเร่งด่วน กลับเพิกเฉยต่อสภาพคล่องของ กยศ. และไม่จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ
ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับกองทุน กยศ. ได้ชี้แจงว่า งบที่ กยศ. เสนอขอในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยเป็นการปรับตัวเข้ากับ พ.ร.บ. ใหม่ จากการหารือกับสำนักงบประมาณสามารถบริหารจัดการได้ภายใต้กรอบวงเงินที่เหลือในกองทุน และรับเงินจากลูกหนี้ที่จบการศึกษาไปแล้ว จึงจัดสรรงบให้ 800 ล้านบาท แต่ถ้าไม่พอก็ยังมีกลไกอื่นรองรับ คืองบกลาง
โดยพยายามสร้างกลไกเพื่อหาวิธีการให้กองทุนสามารถอยู่ได้อย่างมีความมั่นคง และยืนยันว่าด้วยงบประมาณแค่นี้ที่ดูเหมือนว่าจะตึงตัว แต่หากดูดีๆ เราจัดแต่เพียงพอ ไม่มีที่ถมเงินไปกองทุนใดกองทุนหนึ่ง เพราะงบประมาณทุกบาทต้องเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด
จากนั้นเข้าสู่การอภิปรายการจัดสรรงบประมาณในสัดส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง สส. หลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์เห็นว่างบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขน้อยเกินไป ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าแม้งบประมาณจะน้อยและไม่เพียงพอ แต่ยืนยันว่าจะบริหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับไฮไลต์การอภิปรายในวันนี้อยู่ในช่วงค่ำ ซึ่งมี ‘สส. ดาวสภา’ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จัดหนักจัดเต็มการจัดสรรงบประมาณของกองทัพไทย พร้อมระบุตอนหนึ่งว่า สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นพลเรือนในรอบเกือบทศวรรษที่นั่งฟังการอภิปรายตั้งแต่ต้นจนจบว่า เป็น ‘รัฐมนตรีหุ่นเชิด’ ของกองทัพ ที่คอยทำตามการชักใย และดำเนินนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อย่างไรก็ตาม สุทินเตรียมจะชี้แจงถึงการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในช่วงค่ำนี้ด้วย