×

‘ฮ่องกง’ เบอร์หนึ่งเมืองที่ดินแพงที่สุดในโลก ราคาสูงเกินเอื้อมเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ

17.06.2024
  • LOADING...
ฮ่องกง ที่ดิน

สถานีโทรทัศน์ CNN เปิดเผยรายงานประจำปีของ Demographia International Housing Affordability Report ซึ่งติดตามราคาบ้านมาเป็นเวลา 20 ปี และคอยจัดอันดับราคาที่อยู่อาศัยของเมืองต่างๆ ทั่วโลกทั้งหมด 94 แห่งใน 8 ประเทศ พบเขตปกครองพิเศษฮ่องกงขึ้นแท่นกลายเป็นเมืองที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับค่าครองชีพของคนในท้องถิ่น จนทำให้ชนชั้นกลางหนึ่งคนกับการอยากมีบ้านเป็นของตนเองกลายเป็นความฝันที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ (Impossibly Unaffordable)

 

รายงานนี้รวบรวมโดยนักวิจัยจาก Center for Demographics and Policy ของ Chapman University ในแคลิฟอร์เนีย และ Frontier Centre for Public Policy ซึ่งเป็น Think Tank ด้านนโยบายสาธารณะในแคนาดา ซึ่งระบุว่า ทางกลุ่มได้เปรียบเทียบรายได้เฉลี่ยกับราคาบ้านโดยเฉลี่ย โดยพบว่าความต้องการบ้านที่มีพื้นที่ภายนอกซึ่งขับเคลื่อนด้วยโควิด บวกกับนโยบายการใช้ที่ดินที่มุ่งจำกัดการขยายตัวของเมือง และนักลงทุนที่เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น

 

ทั้งนี้ การศึกษาพบว่า 5 เมืองทางชายฝั่งตะวันตกและฮาวายของสหรัฐฯ ครองตำแหน่ง 5 จาก 10 อันดับแรกที่มีราคาเอื้อมไม่ถึง โดยเมืองที่แพงที่สุดในการซื้อบ้านในสหรัฐฯ อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่เมืองซานโฮเซ ลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก และซานดิเอโก ล้วนติด 10 อันดับแรก ส่วนโฮโนลูลู เมืองหลวงของฮาวาย จัดอยู่ในอันดับที่ 6 

 

ด้านออสเตรเลียถือเป็นประเทศเดียวนอกเหนือจากสหรัฐฯ ที่ครองรายชื่อ ‘เมืองที่บ้านยังไม่สามารถหาซื้อได้’ โดยเมืองที่บ้านราคาแพงที่สุดในออสเตรเลียคือซิดนีย์และเมลเบิร์น เมืองทางตอนใต้ในรัฐวิกตอเรีย และเมืองแอดิเลดในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย

 

อย่างไรก็ตาม อันดับหนึ่งยังคงเป็นเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งครองตำแหน่งเบอร์หนึ่งราคาที่อยู่อาศัยแพง โดยศูนย์กลางการเงินขนาดเล็กในเอเชียแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กและค่าเช่าที่สูงลิ่ว 

 

ปัจจุบันฮ่องกงมีอัตราการเป็นเจ้าของบ้านต่ำที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมดที่สำรวจ คือเพียง 51% เมื่อเทียบกับคู่แข่งในเอเชียอย่างสิงคโปร์ ซึ่งมีอัตราการเป็นเจ้าของบ้านสูงสุด 89% อานิสงส์จากความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ยาวนานหลายทศวรรษในการสร้างและจัดสรรอาคารสาธารณะ

 

ทั้งนี้ การจัดทำรายงาน Demographia International Housing Affordability Report จะวัดความสามารถในการจ่าย โดยใช้อัตราส่วนราคาต่อรายได้ของราคาบ้านเฉลี่ยหารด้วยรายได้เฉลี่ยของครัวเรือน โดยเชื่อมโยงการเพิ่มขึ้นของการทำงานจากที่บ้านในช่วงวิกฤตโควิดระบาดที่เกิด Demand Shock ขณะที่บ้านนอกใจกลางเมืองซึ่งมีพื้นที่ภายนอกมากขึ้นก็ยังคงมีราคาแพง อันเป็นผลมาจากนโยบายการใช้ที่ดิน ซึ่งรวมถึงการจำกัดพื้นที่ในเมือง ซึ่งเป็นการวางแผนประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อหยุดยั้งการขยายตัวของเมือง

 

รายงานระบุว่า ชนชั้นกลางตกอยู่ภายใต้การปิดล้อม สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิน เนื่องจากที่ดินได้รับการจัดสรรเพื่อลดการขยายตัวของเมือง และอุปสงค์ที่มากเกินอุปทานทำให้ราคาสูงขึ้น

 

นอกจากนี้ ราคาบ้านและที่ดินของหลายประเทศทั่วโลกยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีนักลงทุนส่วนหนึ่งกระโดดเข้ามาหาช่องทางลงทุนทำกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 

 

ทั้งนี้ 10 เมืองที่มีราคาที่อยู่อาศัยแพงที่สุดในโลกได้แก่

 

  1. ฮ่องกง
  2. ซิดนีย์
  3. แวนคูเวอร์
  4. ซานโฮเซ
  5. ลอสแอนเจลิส
  6. โฮโนลูลู
  7. เมลเบิร์น
  8. ซานฟรานซิสโก / แอดิเลด
  9. ซานดิเอโก
  10. โทรอนโต 

 

ขณะเดียวกัน รายงานยังได้หยิบยกนิวซีแลนด์เป็นตัวอย่างการหาโซลูชันในการแก้ปัญหาราคาที่ดินแพงเกินเอื้อม ด้วยการเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อการพัฒนาในทันที ภายใต้นโยบาย ‘Going for Housing Growth’ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานท้องถิ่นต้องกำหนดเขตการเติบโตของที่อยู่อาศัยในระยะเวลา 30 ปีโดยทันที

 

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถรอให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรืออุปสงค์ที่ลดลง รายงานยังระบุเมืองที่มีราคาเหมาะสมที่สุดจาก 94 เมืองที่สำรวจทั่วโลก ได้แก่ เมืองพิตต์สเบิร์ก, โรเชสเตอร์ และเซนต์หลุยส์ ในสหรัฐฯ เมืองเอดมันตันและคาลการีในแคนาดา เมืองแลงคาสเชอร์และกลาสโกว์ในอังกฤษ และเมืองเพิร์ทกับบริสเบนในออสเตรเลีย 

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X