ดัชนี CPI ทั่วไปของสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 3.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แม้จะเริ่มแผ่ว แต่ประธาน Fed ยังยืนยันว่า เงินเฟ้อยังไม่เริ่มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย จึงยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
สำนักงานสถิติแรงงาน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนพฤษภาคม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 มิถุนายน) พบว่า ดัชนี CPI ในเดือนที่แล้วไม่ขยับปรับเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด โดยตัวเลขดังกล่าวยังทรงตัวอยู่ที่ 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบเป็นอัตรารายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.4% โดยดัชนี CPI ทั่วไปในเดือนเมษายนอยู่ที่ 3.4%
รายงานระบุว่า เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนพฤษภาคม หรือปรับตัวขึ้น 0.0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.1% จากระดับ 0.3% ในเดือนเมษายน
ด้านดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนพฤษภาคมในอัตรารายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.6% ในเดือนเมษายน ขณะที่เมื่อเทียบเป็นอัตรารายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพฤษภาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนเมษายน
ในส่วนของความเคลื่อนไหวของตลาดหลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด พบตลาดหุ้นฟิวเจอร์สมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 250 จุดในช่วงเช้า ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลง 0.14 จุด มาอยู่ที่ 4.27%
รายงานระบุว่า แม้ว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในส่วนของสินค้าหลักและสินค้าทั่วไปจะปรับตัวลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพฤษภาคม และเพิ่มขึ้น 5.4% จากปีที่แล้ว ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่อาศัยถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นำมาใช้พิจารณามาตรการจัดการเงินเฟ้อและถ่วงน้ำหนักกับดัชนี CPI
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมของภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดัชนีพลังงานลดลง 2% และอาหารเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในกลุ่มพลังงาน ราคาก๊าซร่วงลง 3.6% ส่วนองค์ประกอบเงินเฟ้อที่น่าจับตามองอีกประการหนึ่งนั่นคือ การประกันภัยรถยนต์ ที่ล่าสุดปรับตัวลดลง 0.1% ต่อเดือน แต่ยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ต่อปี
โรเบิร์ต ฟริก นักเศรษฐศาสตร์องค์กรจาก Navy Federal Credit Union ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อนี้มีเรื่องน่าประหลาดใจเชิงบวกบางประการ เนื่องจากทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงกว่าตัวเลขที่มีการคาดการณ์กันไว้ ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวลได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านและอพาร์ตเมนต์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นสาเหตุหลักของอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น จนกว่าค่าใช้จ่ายด้านที่พักอาศัยจะเริ่มลดลงตามที่รอคอย ดัชนี CPI ก็ยังไม่น่าจะปรับตัวลดลงอย่างมากแต่อย่างใด
Fed ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ได้ประชุมประจำเดือนมิถุนายน ระหว่างวันที่ 11-12 มิถุนายน ซึ่งทางคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 หลังจากที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมปี 2022
ขณะที่ในส่วนของการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่ Fed ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2024 นี้ ต่างจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมีนาคม พร้อมส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2025 โดยจะปรับลดครั้งละ 0.25% รวมเป็น 1.00% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีหน้า 3 ครั้งในการประชุมเดือนมีนาคม
ส่วนในปี 2026 Fed ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวมเป็น 1.00% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมีนาคมเช่นกัน
ขณะเดียวกัน Fed ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวสู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่ระดับ 2.6%
ด้าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวในงานแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งล่าสุดว่า สถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้ค่อนข้างอยู่ในระดับที่น่าพึงใจ และแม้ว่ารายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมล่าสุดได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ Fed เชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ กำลังเดินสู่เป้าเงินเฟ้อ 2% อย่างมั่นคง และ Fed จะไม่สามารถดำเนินพิจารณานโยบายผ่อนคลายใดๆ จนกว่า Fed จะมีความมั่นใจมากขึ้น
อ้างอิง:
