เกิดเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศจนมีผู้บาดเจ็บอีกครั้ง คราวนี้เกิดขึ้นกับเครื่องบิน Boeing 787-9 เที่ยวบิน QR017 สายการบิน Qatar Airways ระหว่างเดินทางจากโดฮา ประเทศกาตาร์ สู่กรุงดับลินของไอร์แลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ (26 พฤษภาคม) โดยเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยที่กรุงดับลิน
แถลงการณ์จากสนามบินดับลินระบุว่า มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตกหลุมอากาศครั้งนี้ 12 คน แบ่งเป็นลูกเรือ 6 คน และผู้โดยสาร 6 คน ซึ่งหลังจากประเมินอาการเบื้องต้นแล้วมีการส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล 8 คน
โดยสายการบิน Qatar Airways ระบุในแถลงการณ์ว่า จะมีการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวกันภายใน ส่วนผู้โดยสารและลูกเรือเที่ยวบินนี้บาดเจ็บเล็กน้อยและได้รับการดูแลรักษาแล้ว พร้อมยืนยันว่า ความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก
การตกหลุมอากาศครั้งนี้เกิดขึ้นขณะเครื่องบินบินอยู่เหนือน่านฟ้าตุรกี โดยหลังจากลงจอดและตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว เครื่องบินลำดังกล่าวได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินขากลับ (QR018) สู่โดฮาตามตารางเดิม แต่มีการดีเลย์
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังเครื่องบิน Singapore Airlines เที่ยวบิน SQ321 ตกหลุมอากาศรุนแรงขณะบินที่ระดับความสูง 37,000 ฟุตเหนือน่านฟ้าเมียนมา ก่อนจะลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ มีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน และเสียชีวิต 1 คน
สภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกรวนทำให้เครื่องบินเสี่ยงตกหลุมอากาศมากขึ้น โดย ศ.พอล วิลเลียมส์ สาขาบรรยากาศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเรดดิง สหราชอาณาจักร เคยให้ความให้เห็นกับ CNN ในปี 2022 ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนของอากาศมากขึ้น นอกจากความปั่นป่วนจากสภาพอากาศแปรปรวนจากพายุฝนฟ้าคะนองแล้ว ยังรวมถึงความปั่นป่วนในวันฟ้าใส หรือ Clear Air Turbulence (CAT) ด้วย ซึ่งอย่างหลังนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่ตรวจจับได้ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงได้ยาก
ซึ่งวิลเลียมส์ระบุว่า จากการคำนวณด้วยแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์พบว่า การเกิดเหตุตกหลุมอากาศอาจเพิ่ม 2-3 เท่าภายในหลายทศวรรษข้างหน้า
บทความที่เกี่ยวข้อง:
ภาพ: Flightradar24, Sky News
อ้างอิง: