×

นักวิเคราะห์ชี้ ช่วงเวลาทองสะสมหุ้นกู้เอกชนก่อนดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง แต่แนะโฟกัสกลุ่ม Investment Grade

13.05.2024
  • LOADING...

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยต่อการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน (Corporate Bonds) ถูกสั่นคลอนไปพอสมควรในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดกรณีการผิดนัดชำระหนี้หรือการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัทบางแห่ง เช่น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK), บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) และ บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) รวมทั้ง บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD)  

 

หนึ่งในผลกระทบที่เกิดขึ้น คือความต้องการซื้อหุ้นกู้จากนักลงทุนลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์​ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า อย่างในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ยอดจองซื้อหุ้นกู้คิดเป็นเพียง 41% ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกขายทั้งหมด ซึ่งลดลงจากช่วงไตรมาส 4 ของปีก่อนที่ยอดจองซื้ออยู่ที่ราว 85% เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายไป 

 

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาได้ หลังจากที่ปัญหาของแต่ละบริษัทไม่ได้ลุกลามอย่างที่หลายคนกังวล ทำให้การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง 

 

ณัฐชาตกล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทชะลอการออกหุ้นกู้ใหม่ เพราะคาดหวังว่าดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลดลงในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้เอกชนที่ออกขายในเวลานี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

 

“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับการสะสมหุ้นกู้เอกชน รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลเช่นกัน เพราะหากมองไป 1 ปีข้างหน้า ดอกเบี้ยจะไม่อยู่ในระดับสูงเท่านี้ โดยเฉพาะหุ้นกู้เอกชนที่ส่วนชดเชยความเสี่ยงค่อนข้างสูงในเวลานี้”

 

ทั้งนี้ ณัฐชาตมองว่า การลงทุนหุ้นกู้เอกชนที่มีเรตติ้งสูงกว่า BBB ขึ้นไป ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 3-4% คุ้มค่ามากกว่าหากเปรียบเทียบกับหุ้นกู้ที่ต่ำกว่า Investment Grade จากการพิจารณาทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงควบคู่กัน

 

ด้าน สงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของการลงทุนในหุ้นกู้ หากมองในมุมของอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต 

 

อย่างการลงทุนในหุ้นกู้เรตติ้ง AAA อายุ 10 ปี ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.59% เพิ่มขึ้นจาก 2.31% เมื่อปลายปี 2019 

 

“แต่ก็ต้องยอมรับว่าพื้นฐานของหุ้นกู้เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคุณภาพที่แย่ลง ทั้งในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลที่หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจากราว 40% มาเป็น 64% หรือหุ้นกู้เอกชนที่โดยภาพรวมแล้ว เมื่อปีก่อนมีบริษัทที่ถูกปรับลดเรตติ้งมากกว่าปรับเพิ่มเรตติ้งถึง 2 เท่า” 

 

สงวนกล่าวต่อว่า แม้หลายบริษัทที่ไม่ถูกปรับลดเรตติ้ง แต่คุณภาพสินทรัพย์อาจแย่ลงเช่นกัน ซึ่งเป็นภาพเดียวกับหนี้ครัวเรือนและหนี้เสียของธนาคารที่เพิ่มขึ้น 

 

“ในมุมของผลตอบแทน ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นปีทองของหุ้นกู้ เพราะดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยของหุ้นกู้เรตติ้ง AAA ที่เพิ่มขึ้นจาก 2.3% มาเป็น 3.6% แต่ผู้ลงทุนก็ต้องเลือกให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน”

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising