วันนี้ (17 เมษายน) ที่อาคารรัฐสภา อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยก่อนการประชุมว่า วันนี้มีวาระพิจารณาเรื่องการขนกากแร่อุตสาหกรรมแคดเมียม โดยได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ
อัครเดชระบุว่า ได้รับทราบจากข่าวว่าจะเริ่มเคลื่อนย้ายกากแร่แคดเมียมในวันที่ 7 พฤษภาคม ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมถึงช้า เพราะอะไร ดังนั้นตนจะได้สอบถามในที่ประชุมว่าจะเลื่อนการเคลื่อนย้ายให้เร็วกว่าวันที่ 7 พฤษภาคมได้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องการจัดการกากแร่แคดเมียมที่ตรวจพบทั้งที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และตาก จะดำเนินการอย่างไร ถ้าขนย้ายควรจะมีตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุ เพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายระหว่างขนย้ายของแคดเมียมได้อย่างไร เพื่อจะได้ป้องกันปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยบริเวณโดยรอบได้
ส่วนที่กรรมาธิการฯ อ้างว่า มีข้อมูลเชิงลึกเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐที่เรียกรับผลประโยชน์นั้น อัครเดชเผยว่า ได้รับข้อมูลเพราะมีคนมาร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์ในเรื่องของการย้ายกากแร่แคดเมียม ซึ่งต้องขอบคุณผู้หวังดีจากหน่วยงานภายในที่ให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ แม้จะไม่ประสงค์ออกนาม
ทางกรรมาธิการฯ จึงได้ตรวจสอบประมาณเดือนมกราคม ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นกากแร่อะไร จนรับทราบเบื้องต้นว่าต้นทางอยู่ที่จังหวัดตาก จนมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยกรรมาธิการฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบ ซึ่งครั้งแรกเราพุ่งเป้าไปที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นพื้นที่เหมืองแร่สังกะสีเก่า แต่ได้ข้อมูลไม่ชัดเจน จนการประชุมนัดที่ 4 เราถึงทราบและแถลงข่าวให้รัฐบาลไปดำเนินการและให้ประชาชนเฝ้าระวัง
“ถือเป็นโชคดีของคนไทยที่เราเจอเร็ว ไม่ใช่ว่าต้องให้พี่น้องประชาชนล้มป่วยก่อนเหมือนในต่างประเทศ แล้วเราค่อยมาสืบหากันว่าพี่น้องประชาชนล้มป่วย เสียชีวิตเพราะอะไร” อัครเดชกล่าว
อัครเดชกล่าวด้วยว่า ในเอกสารที่มีการส่งมาร้องเรียนเบื้องต้นมีทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่มาจากกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนจะเป็นเจ้าหน้าที่ต้นทาง ปลายทาง หรือระดับไหน ขอรอให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง ดังนั้นในที่ประชุมกรรมาธิการฯ จะมีการติดตามการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการต้นทาง ปลายทาง หรือส่วนที่จะเตรียมการส่งออก ละเมิดกฎหมายและผิดกฎหมายข้อไหน และหน่วยงานไหนจะดำเนินคดีอย่างไร
นอกจากนี้ในการข่าวทราบว่า ผู้ประกอบการต่างประเทศที่เป็นคนจีนเตรียมส่งออกกากตะกอน และมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว มีความเชื่อมโยงกันหมดในตัวละครตั้งแต่ต้นทางที่จังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนจังหวัดชลบุรีก็เป็นผู้ประกอบการและเจ้าของโรงงานคนจีน โดยกรรมาธิการฯ เคยทำเรื่องนี้ พบว่าโรงงานทำผิดกฎหมายและให้เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ไปจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวละครที่เป็นคนจีนมีทั้งหมด 3 ตัวละคร ตัวละครสุดท้ายต้นทางที่จังหวัดสมุทรสาครที่เป็นโรงหลอม ก็มีผู้ประกอบการคนจีนที่สวมสิทธิหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังจะสอบว่าจริงๆ แล้วมีการกระทำความผิดตามที่ผู้ประกอบการโรงหลอมคนไทยร้องเรียนมาหรือไม่ จึงจะเห็นได้ว่ามีทั้งหมด 4 ตัวละครที่เป็นคนจีน ซึ่งเชื่อมโยงกันหมดเป็นเครือข่าย
“ผมเรียกร้องให้นายกฯ หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นวาระแห่งชาติในการดำเนินการกับนักลงทุนจีนสีเทาทางด้านอุตสาหกรรมที่ละเมิดกฎหมาย เพราะอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ทุนจีนก็กระทำความผิดซ้ำซาก ทำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องชาวชลบุรีอย่างต่อเนื่องรุนแรง ซึ่งทางกรรมาธิการฯ เคยสอบสวนและให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินคดีมาแล้ว” อัครเดชกล่าว
ทั้งนี้ ผู้แทนหน่วยงานที่มาให้ข้อมูลต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
