อาการบาดเจ็บกับนักฟุตบอลเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นและเข้าใจได้ แต่สำหรับอาการที่ทำให้ ราฟาเอล วาราน ตัดสินใจขอถอนตัวจากการลงสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่เหลือของฤดูกาลนี้ เป็นอาการที่ไม่ปกติและไม่ธรรมดา
ปราการหลังระดับดีกรีแชมป์โลกกำลังประสบปัญหาใหญ่ในเรื่องสุขภาพ กับอาการสมองได้รับการกระทบกระเทือน (Concussion) ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ
นั่นทำให้วารานตัดสินใจที่จะขอเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงและยังคงลงเล่นอยู่คนแรกที่ออกมาเตือน ‘ภัยเงียบ’ ของนักฟุตบอล
เพราะอยากจะบอกทุกคนก่อนที่จะสายเกินไป
สำหรับเรื่องอาการสมองได้รับบาดเจ็บหรือได้รับการกระทบกระเทือน เป็นสิ่งที่เพิ่งจะถูกพูดถึงได้ไม่กี่ปีในวงการฟุตบอล ภายหลังจากที่มีนักฟุตบอลในอดีตจำนวนมากที่ต้องเป็นผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น โรคความจำเสื่อม (Dementia) ที่ทำให้ไม่ว่าจะเคยเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนในอดีต นักเตะที่ป่วยเป็นโรคนี้ก็จะจดจำอะไรไม่ได้เลยในช่วงบั้นปลายของชีวิต
ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นและพานพบ แต่รวมถึงคนรักและครอบครัว หรือลืมแม้กระทั่งตัวตนของเขาเองด้วย
อย่างไรก็ดี การรณรงค์เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องของ Concussion ในเกมฟุตบอลยังไม่ได้รับความสนใจและใส่ใจเท่าที่ควร
ถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มกฎในเรื่องของการเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่มีการกระทบกระเทือนทางสมอง (โดยแพทย์ประจำทีมที่อยู่ในสนามเป็นผู้ประเมินอาการ) ออกมาพักได้โดยทีมจะไม่เสียโควตาในการเปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่ก็ยังเห็นได้ในหลายครั้งที่เวลานักเตะได้รับการกระทบกระเทือนแล้วยังกลับมาลงเล่นต่อ ทั้งๆ ที่ดูแล้วอาจเป็นอันตรายได้
เช่นกันกับการพยายามเรียกร้องให้มีการแบนไม่ให้นักฟุตบอล ‘โหม่งบอล’ (Header) ที่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นการเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะถึงจะชื่อเกมว่าฟุตบอลไม่ใช่เฮดบอล แต่การโหม่งก็เป็นส่วนสำคัญของเกม
อีกส่วนคือนักฟุตบอลอาชีพเองโดยเฉพาะผู้ชายจะมีความรู้สึกว่าพวกเขาต้องอดทนมากเป็นพิเศษในการทำหน้าที่ในสนาม ซึ่งเรื่องนี้เองคือสิ่งที่วารานประสบกับตัวเองโดยตรง และยอมแบ่งปันเรื่องราวในมุมที่เขาคิดว่าเป็นความเชื่อที่ผิด
วารานเปิดเผยว่ามีอาการไม่ปกติตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2014
กองหลังวัย 30 ปีได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า อาการเกี่ยวกับการกระทบกระเทือนของสมองนั้นไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่เขามีปัญหามายาวนานหลายปี โดยที่ปัญหานั้นย้อนกลับไปได้ถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 เลยทีเดียว
วารานเล่าว่า เขาเริ่มมีปัญหาในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ฝรั่งเศสพบกับทีมชาติไนจีเรีย ซึ่งเขาพยายามโหม่งบอลจากลูกเปิดริมเส้น แต่บอลมาเข้าที่ขมับพอดี
ตอนนั้นกองหลังเชิงสูงยอมรับว่า เขามึนมากและแทบไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ฝืนลงเล่นต่อไปแบบสติไม่สมประกอบเหมือนรถที่ขับในโหมด Autopilot “ถ้าใครพูดกับผมในตอนนั้น ผมไม่รู้เลยว่าผมจะตอบสนองอย่างไร ผมจำอะไรจากเกมนั้นไม่ได้เลยหลังเหตุการณ์นั้น”
ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาที่วารานและสตาฟฟ์ทีมชาติฝรั่งเศสไม่เคยบอกใครคือ เขามีปัญหาในเรื่องสุขภาพทันที สูญเสียความอยากอาหาร ร่างกายขาดน้ำ และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้สตาฟฟ์ก็ไม่มั่นใจว่าสภาพร่างกายจะพร้อมลงเล่นในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับทีมชาติเยอรมนีหรือไม่
สุดท้ายในวันนั้นวารานลงเล่นได้ โดยแม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็พอจะเล่นได้ดี แม้ว่าสุดท้ายฝรั่งเศสจะพ่ายตกรอบไปก็ตาม
วารานยอมรับว่า เขาไม่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้เพราะไม่อยากใช้มันเป็นข้อแก้ตัวที่ทำให้ทีมแพ้ ซึ่งเยอรมนีได้ประตูชัยจาก มัตส์ ฮุมเมิลส์ ที่เอาชนะวารานได้นั่นเอง
แต่มาถึงวันนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป วารานบอกว่า ถ้าเขารู้ว่านี่คืออาการสมองได้รับการกระทบกระเทือน เขาก็อาจยอมบอกแพทย์ประจำทีม แม้ว่ามันอาจหมายถึงการที่เขาต้องอดลงสนามก็ตาม
“สิ่งที่เราไม่อาจรู้ได้คืออะไรจะเกิดขึ้นถ้าผมได้รับการกระทบกระเทือนอีกครั้งที่ศีรษะ เพราะถ้าสมองได้รับการกระทบกระเทือนซ้ำๆ นั่นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สิ่งต่างๆ มันอาจแย่ไปจากนี้อีกมาก”
นอกจากเกมนัดนี้แล้ว ยังมีอีก 2 นัดที่วารานบอกว่าเป็นเกมที่เขาเล่นได้แย่ที่สุดในชีวิตคือ เกมแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2019/20 นัดที่แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเริ่มมึนจากจังหวะโหม่งบอลในเกมลาลีกาที่เรอัล มาดริดพบกับเคตาเฟ จนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม
สุดท้ายวารานทำพลาดร้ายแรงถึง 2 ครั้งจนเรอัล มาดริดแพ้แมนฯ ซิตี้
“วันนั้นผมรู้สึกแล้วตั้งแต่ตอนวอร์มอัพ ผมพยายามบอกตัวเองว่า ตื่นสิ แต่ผมไม่สามารถรักษาสมาธิได้เลยตลอดทั้งเกม ผมเป็นเหมือนคนดูที่ดันไปอยู่ในสนาม”
และผลจากช่วงเวลานั้นทำให้วารานอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์นักในการเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดฤดูกาลนี้
วารานให้สัมภาษณ์พิเศษกับ L’Équipe สื่อกีฬาเบอร์หนึ่งของฝรั่งเศส เกี่ยวกับเรื่องอาการทางสมอง
ในหลายนัดที่เขาหายไปจากทีมอย่างน่าฉงน วารานเพิ่งจะเฉลยให้ทุกคนได้รู้ว่ามันเกิดจากอาการสมองได้รับการกระทบกระเทือน โดยเฉพาะหากเขาต้องโหม่งบอลหลายครั้งในระหว่างเกม ในวันถัดมาเขาจะมีอาการเหนื่อยผิดปกติและมีอาการตาล้า ทำให้ต้องแจ้งกับสตาฟฟ์ว่าไม่พร้อมลงเล่น ก่อนที่สตาฟฟ์จะแนะนำให้เข้ารับการตรวจอย่างละเอียด ซึ่งเมื่อผลออกมาทำให้เขาไม่สามารถลงสนามได้ในเกมต่อมา
สิ่งที่วารานพยายามจะบอกกับทุกคนคือ เรื่องอาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และผลกระทบของมันนั้นมากกว่าที่ใครต่อใครคิด
การโหม่งบอลที่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดานั้นมีผลกระทบต่อเนื่องได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งแม้กระทั่งนักฟุตบอลอาชีพอย่างวารานเองก็เพิ่งได้รู้จักกับเรื่อง ‘Micro-concussions’ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระทบกระเทือนของสมองในเวลาต่อมา
ในทีมแมนฯ ยูไนเต็ดเองก็เริ่มมีการแนะนำผู้เล่นไม่ให้โหม่งบอลเกินกว่า 10 ครั้งในระหว่างการซ้อมแล้ว
แต่คนที่วารานห่วงมากที่สุดคือบรรดาเด็กๆ ที่รักในการเล่นฟุตบอล ซึ่งรวมถึงลูกชายของเขาด้วย
“ลูกชายของผมอายุ 7 ขวบ เขาก็ชอบเล่นฟุตบอล ผมก็พยายามแนะนำไม่ให้เขาโหม่งบอล เพราะถึงมันจะไม่ได้ส่งผลร้ายแรงในทันที แต่เรารู้แล้วว่าการกระเทือนซ้ำๆ ต่อเนื่องทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อชีวิตได้”
ด้วยเหตุนี้ วารานจึงตัดสินใจขอออกมาเตือนทุกคน ในระหว่างที่ยังพอจะป้องกันหรือลดโอกาสความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจเหมือนที่เขาเป็น
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/5385097/2024/04/02/raphael-varane-man-united-concussion/
- https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-13262527/Raphael-Varane-concussion-Man-United-Man-City-horror-show.html
- https://www.dw.com/en/how-many-headers-does-it-take-to-damage-a-footballers-brain/a-66661956
- https://uk.sports.yahoo.com/news/man-utd-defender-varane-sounds-091630149.html