ทำไมนักเตะมากมายต้องการย้ายไปร่วมทีม ‘เรอัล มาดริด’

จากการรายงานของ BBC เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 กุมภาพันธ์) ทำให้ยืนยันได้ว่า คีเลียน เอ็มบัปเป กำลังจะกลายเป็นนักเตะใหม่ของเรอัล มาดริด ในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ หลังทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้มีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กที่จะเดินตามรอยเท้าไอดอลของเขาอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด และรุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง ซีเนดีน ซีดาน ในการไปเล่นในถิ่นซานติอาโกเบร์นาเบวอยู่แล้ว

แต่เอ็มบัปเปกลับไม่ใช่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีความใฝ่ฝันเช่นนี้ เพราะยังมีนักเตะอีกหลายคนในประวัติศาสตร์ที่ต้องการใส่เครื่องแบบสีขาวอันทรงเกียรติ บ้างก็ทำความฝันสำเร็จ บ้างก็ได้แค่ตั้งคำถามกับการไม่ได้ย้ายมา

และหากพวกเขาไม่ใช่นักเตะของบาร์เซโลนาหรือแอตเลติโก มาดริด ที่มีดีเอ็นเอของสโมสรเข้มข้นแล้ว มักจะหายากมากที่ไม่อยากย้ายมาร่วมทีมราชันชุดขาว

แม้แต่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ไอคอนของลิเวอร์พูล ที่เคยยืนยันว่า เขาไม่เสียใจที่ตลอดชีวิตไม่เคยเล่นให้กับเรอัล มาดริด แต่พร้อมกันนั้นก็ยังอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า หากในตอนที่มีโอกาส แล้วเขาเลือกย้ายไปยังเรอัล มาดริด ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

แม้ที่เรอัล มาดริด จะมีนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากมาย จนทำให้นักเตะรุ่นใหม่หลายคนอยากดำเนินรอยตาม แต่ก็มีนักเตะอีกไม่น้อยที่ล้มเหลวเมื่อไปที่สโมสรแห่งนี้ ยกตัวอย่างเช่น ไมเคิล โอเวน และ เอเดน อาซาร์ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน หรือแม้แต่นักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์อย่าง ริคาร์โด กากา ก็คงพูดว่าประสบความสำเร็จได้ไม่เต็มปากในตอนที่เขาค้าแข่งในเบร์นาเบว

แต่เมื่อไปถามพวกเขาทั้งหมดถึงช่วงเวลาที่กรุงมาดริด พวกเขากลับยืนยันในทำนองเดียวกันว่าไม่เสียใจ และภาคภูมิใจที่ได้ย้ายไปยังสโมสรแห่งนี้ คำถามที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สโมสรแห่งนี้มีแรงดึงดูดอะไรที่ทำให้นักเตะมากมายต่างอยากเข้ามาเล่นให้กับพวกเขา

เหตุผลแรกอาจจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ก็เป็นเหตุผลที่จับต้องได้มากที่สุดนั่นคือ ค่าตอบแทนอันมหาศาลที่เรอัล มาดริด มักจะจ่ายให้กับนักเตะที่ย้ายมาร่วมทีม

แม้ในปัจจุบันเหตุผลข้อนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เนื่องจากการบังคับใช้กฎการเงินอันเข้มข้นของลาลีกา สเปน ที่ไม่เปิดทางให้เรอัล มาดริด จ่ายเงินค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาล เพื่อล่อตาล่อใจนักเตะเหมือนที่เคยทำมาในอดีตยุคกาลาคติกอสกับกาลาคติกอส 2.0 ได้อีกต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็กลายเป็นภาพจำว่า การย้ายไปยังเรอัล มาดริด มักจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมและอู้ฟู่กว่าลีกอื่นๆ นอกจากนี้ถึงแม้การจ่ายเงินค่าเหนื่อยด้วยตัวเลขมหาศาลอาจจะทำไม่ได้แล้ว แต่การจ่ายเงินในทางอื่นยังคงเปิดช่องให้ทำได้อยู่

อย่างในกรณีของ คีเลียน เอ็มบัปเป ที่ตามรายงานจาก BBC เขาได้ค่าเหนื่อยแค่ 15 ล้านยูโร หรือราว 580 ล้านบาทต่อฤดูกาลเท่านั้น แต่เขาจะได้รับเงินโบนัสการเซ็นสัญญาสูงถึง 150 ล้านยูโร หรือราว 5,840 ล้านบาท นอกจากนี้นักเตะทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ยังจะได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์อีกด้วย

นั่นเองจึงกลายมาเป็นเหตุผลแรกที่ดึงดูดใจนักเตะมาสู่ถิ่นซานติอาโกเบร์นาเบวแห่งนี้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

เหตุผลต่อมา แม้จะไม่อาจจะจับต้องได้ในฐานะวัตถุ แต่มันมีคุณค่ามหาศาลทางด้านจิตใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘เกียรติยศและความรุ่งโรจน์’

สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกสโมสรจะมี และมันเป็นสิ่งที่อธิบายยากกว่าสิ่งที่เป็นวัตถุอย่างเงินทองหรือค่าเหนื่อยมากนัก แต่หากถามแฟนบอลหรือแม้แต่นักฟุตบอลเอง ก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เรอัล มาดริด ไม่ใช่สโมสรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศ

รามอน กัลเดรอน อดีตประธานสโมสรเรอัล มาดริด ให้สัมภาษณ์กับ BBC ไว้อย่างน่าสนใจว่า “สิ่งที่ดึงดูดนักเตะมากมายให้มาสู่เรอัล มาดริด ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินหรือผลประโชยน์เท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องของเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ที่นักเตะจะได้รับเมื่อมายังสโมสรแห่งนี้”

14 แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งมากกว่าทีมอันดับ 2 อย่างเอซี มิลาน ที่ได้อยู่ 7 สมัยถึงเท่าตัว เป็นสิ่งที่ตอกย้ำคำว่าเกียรติยศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี 35 แชมป์ลาลีกา, 5 แชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ 5 แชมป์สโมสรโลก เหล่านี้คือตัวเลขที่พวกเขาครองสถิติมากที่สุดและไม่มีใครทำได้เท่า

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะมากมายจะรู้สึกว่าตัวเองได้มาร่วมงานกับสโมสรที่ดีที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุด และสูงส่งที่สุด ในวงการฟุตบอลไปโดยปริยาย

ซึ่งเกียรติยศมากมายที่ว่ามานั้นมันจึงกลายเป็นภาพจำในหัวนักฟุตบอลรุ่นหลังๆ ให้รู้สึกอยากย้ายมาร่วมงานกับเรอัล มาดริด ไปในที่สุด

อันที่จริงแล้วอาจจะไม่ใช่แค่เฉพาะภาพจำในเรื่องการเป็นสุดยอดสโมสรที่เพียบพร้อมทั้งเงินตรา ความสำเร็จ และเกียรติยศ เท่านั้น แต่มันยังเป็นภาพจำที่พวกเขาผูกพันกว่านั้น

นั่นคือภาพจำที่ว่า นักเตะที่เป็นไอดอลของพวกเขาเคยเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้มาก่อน ตัวอย่างที่ชัดเจนในกรณีนี้ แถมยังเป็นตัวอย่างล่าสุดคือในรายของ คีเลียน เอ็มบัปเป ที่ต้องการเดินตามรอยเท้าของ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในถิ่นซานติอาโกเบร์นาเบวนั่นเอง

ดังนั้นภาพจำที่เกิดขึ้นระหว่างนักเตะและไอดอล รวมไปถึงภาพจำที่มีต่อสโมสร ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเตะมากมายอยากย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด

ขณะที่ปัจจัยสุดท้ายและหลายคนคงยกให้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องของความสำเร็จ

แน่นอนว่าการย้ายมาที่เรอัล มาดริด ไม่ได้การันตีว่านักเตะคนนั้นจะประสบความสำเร็จแน่นอนเสมอไป แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ที่สโมสรแห่งนี้มีปัจจัยเอื้อให้นักเตะในทีมประสบความสำเร็จได้สูงมาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันในลาลีกา สเปน ซึ่งมีตัวแปรในการลุ้นแชมป์ไม่มากเมื่อเทียบกับลีกอื่นๆ อย่างพรีเมียร์ลีกหรือกัลโชเซเรียอา

โดยปกติแล้วเรอัล มาดริด มักจะแข่งขันกับบาร์เซโลนา ในการลุ้นแชมป์ลีกกันเพียง 2 สโมสร โดยอาจจะมีสโมสรอื่นอย่างแอตเลติโก มาดริด, บาเลนเซีย, เซบียา หรือจีโรนา ในฤดูกาลนี้สอดแทรกขึ้นมาบ้าง แต่โดยรวมแล้วการแข่งขันเพื่อไล่ล่าแชมป์มักจะมีแค่ 2 ทีมเท่านั้น นั่นหมายความว่าโอกาสลุ้นแชมป์ก็สูงเกือบ 50%

และเมื่อการลุ้นแชมป์มีม้าหลักๆ เพียงแค่ 2 ตัว การไปเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่สเปนได้โควตา 4 ทีม สโมสรเรอัล มาดริด ก็แทบจะการันตีว่าพวกเขาจะได้ไปเล่นในทุกปีโดยปริยายเช่นกัน

และเมื่อมีโอกาสได้เล่นในแชมเปียนส์ลีกสม่ำเสมอกว่า ก็เป็นไปได้มากกว่าที่จะทำผลงานได้สม่ำเสมอ จนสามารถไปถึงแชมป์ในบั้นปลายได้มากกว่า

นี่ยังไม่นับว่าเรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่มีความพร้อมทั้งทางด้านเทคโนโลยีและข้อมูลต่างๆ ไล่ขึ้นมาตั้งแต่รุ่นเยาวชนไปจนถึงรุ่นใหญ่ จน คริสเตียโน โรนัลโด ยังเคยเอ่ยปากชม

นั่นจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเตะหลายคนอยากมาเล่นให้กับพวกเขา

เพราะแม้จะเป็นสโมสรที่มีการแข่งขันสูงมาก แต่มันก็แลกมาด้วยปัจจัยทุกอย่างที่นักเตะต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ, ความมั่งคั่ง, เกียรติยศ และการเติมเต็มให้ความฝันและจิตใจของพวกเขา

และนั่นเองที่ทำให้เรอัล มาดริด ดึงดูดนักเตะให้เข้ามาร่วมทีมกับพวกเขาด้วยอย่างที่จะมีน้อยคนนักที่จะกล้าปฏิเสธ

อ้างอิง: