เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q66 ของ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
โดยประเมินกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 1.39 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 21.1%YoY แต่ลดลง 5.6%QoQ) ได้รับการสนับสนุนจากรายได้รวม 9.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8.6%YoY แต่ลดลง 4.3%QoQ) แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 93% และคอนโด 7% โดยที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่โครงการ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ อย่างต่อเนื่อง แต่ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย เนื่องจากยอดขายใหม่ในเดือนธันวาคมโอนได้ล่าช้า
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะอยู่ที่ 36.8% เพิ่มขึ้นจาก 34.9% ใน 4Q65 และ 33.5% ใน 3Q66 โดยได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจากโครงการบ้านเดี่ยว เช่น Centro และ The City อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 21.8% เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการใหม่ครั้งใหญ่ใน 4Q66
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AP ปรับลง 6.03% สู่ระดับ 10.90 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.44% สู่ระดับ 1,384.08 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
ในปี 2566 AP ทำยอด Presales ได้ที่ 5.13 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.9%) โดย 65% เกิดจากโครงการแนวราบ (มูลค่าลดลง 14%) และ 35% เกิดจากคอนโด (มูลค่าเพิ่มขึ้น 57%) อย่างไรก็ตาม ยอด Presales ปี 2566 ต่ำกว่าเป้าที่ AP วางไว้ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท อยู่ 11% สำหรับปี 2567 (อิงกับข้อมูลเบื้องต้น) คาดว่า AP จะตั้งเป้ายอด Presales เติบโต 10-15% สู่ 5.65-5.9 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะประกาศเป้าหมายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
ในส่วนของการเปิดตัวโครงการใหม่คาดว่าจะเห็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากเติบโต 19% เท่ากับ 6.5 หมื่นล้านบาทในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่มูลค่าการเปิดตัวโครงการแนวราบทำสูงสุดใหม่ หลักๆ เกิดขึ้นใน 4Q66 ที่มีการเปิดตัวโครงการแนวราบมูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลดลง 5% สู่ 5.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.4%) เนื่องจากปรับประมาณการรายได้ปี 2566 ลดลง 6% สู่ 3.83 หมื่นล้านบาท (ลดลง 0.6%) เพื่อสะท้อนความล่าช้าในการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนธันวาคม ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะยังคงแข็งแกร่งที่ 36.1% เทียบกับ 33.9% ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะปรับประมาณการลดลง แต่กำไรสุทธิปี 2566 จะยังทำจุดสูงสุดใหม่
AP มี Backlog โครงการแนวราบที่ยกมาจากปี 2566 มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567 ดังนั้นจึงคงประมาณการรายได้ปี 2567 ไว้ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.8%) และคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ไว้ที่ 6.3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7.4%) ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรของ AP และคงคำแนะนำ Tactical Call ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 15 บาทต่อหุ้น อ้างอิง P/E เฉลี่ย 10 ปีที่ 7.4 เท่า (+0.25 SD) และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2566 ที่แข็งแกร่งที่ 6%
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงจากการดำเนินงาน: การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อในตลาดระดับล่าง / กลาง – ล่างที่อยู่ในระดับสูงใน 2H66 และการบริหารจัดการสินค้าคงเหลือหลังจากเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากในปี 2566
ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ: ในการพัฒนาโครงการ AP ยื่นขอ EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม AP วางแผนมุ่งเน้นลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการแนวราบเพิ่มโดยใช้พลังงานสีเขียว (พลังงานแสงอาทิตย์) ให้มากขึ้น และการบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น