วันนี้ (21 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่น นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อาจนำกรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและคดีของ ทักษิณ ชินวัตร มาอภิปรายรัฐบาลว่า ในการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการถกเถียงกันว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤต แต่ความจริงแล้วคนที่สะท้อนเยอะที่สุดคือปัญญาชนที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ในด้านการเงินการคลัง
ภูมิธรรมกล่าวต่อว่า อยากให้รู้ว่าโครงการนี้เอามาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และหากมองโครงการนี้ให้กว้างขวางและใจกว้างหน่อย มันเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ได้คิดถึงว่าเป็นคนรวยหรือคนจน คิดว่าประชาชนทุกคนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ตรงนี้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ทำให้วงจรทางเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงอยากให้เข้าใจตรงนี้ เราอยู่ในระบบทุนนิยม ต้องเป็นทุนนิยมที่เข้าใจมนุษย์ด้วย เห็นความสำคัญของมนุษย์ เห็นความเหลื่อมล้ำของคน ดังนั้นโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ที่สำคัญเป็นการเรียนรู้ของประชาชนในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นการรับรู้สิ่งนี้คิดว่ามีแต่ประโยชน์ ส่วนที่จะวิจารณ์ก็ได้ แต่อยากให้เริ่มต้นวิจารณ์จากเป้าหมายวัตถุประสงค์ ไม่ได้วิจารณ์จากจินตนาการของตัวเอง เชื่อว่ารัฐบาลพร้อมพูดได้ทุกเรื่อง เพราะมาจากเจตนารมณ์ที่ต้องการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่จากเจตนารมณ์ที่คิดไม่ดี
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้แถลงนโยบายนี้ต่อสภาอย่างชัดเจนอยู่แล้ว และเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงมา ถ้าเป็นประเทศอื่นในโลกประชาธิปไตยเขาให้ทำ ถ้าทำแล้วดี หากไม่ดีต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองคิดและทำ แต่ตอนนี้ยังไม่ทันไรก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คิดว่ามันต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้และช่วยกันมอง หากวิจารณ์หรือวิเคราะห์ผิดจะทำให้ขาดโอกาสในการจะกู้วิกฤตของประเทศ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า โครงการนี้อาจใช้ไม่ทันในช่วงเดือนพฤษภาคมนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ที่กระบวนการตัดสินใจว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าหากจะเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ก็คงต้องเลื่อน แต่ถ้าถามเจตนารมณ์ของรัฐบาลตอนนี้ รัฐบาลก็ยังไม่อยากจะเลื่อน ยังยืนยันที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ จะเริ่มต้นทำเมื่อไรขึ้นอยู่กับเวลา แต่ตอนนี้พยายามจะทำให้ได้ และดูจากเจตนารมณ์นายกรัฐมนตรีชัดเจนว่า ต้องเดินหน้าโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีผลทำให้โครงการนี้ต้องยกเลิกไปหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องถือว่า ป.ป.ช. ทำเกินอำนาจหน้าที่ เพราะ ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วว่าเป็นปัญหาอะไร แต่โครงการนี้ยังไม่ทันเกิดขึ้นเลย ก็ไปสรุปว่าจะมีการทุจริต มีข้อควรระวังเยอะแยะไปหมด ตนคิดว่าข้อควรระวังนั้นรับฟังได้ แต่จะถือเป็นข้อห้ามก็ไม่ใช่ ท่านยังไม่กล้าพูดเลยว่าห้าม พูดเพียงสงสัยอย่างโน้น ให้ระวังอย่างนี้ อยากให้กลับมาอยู่ในโลกของความจริง ไม่ใช่โลกแห่งจินตนาการ จินตนาการว่าจะโกงกันมหาศาล ขอให้มาดูความจริงดีกว่า และการพยายามแก้ต้องคิดรูปแบบใหม่ๆ ทำแบบเดิม 10 กว่าปีมาแล้วก็อยู่ที่เดิม เศรษฐกิจก็ยังแย่อยู่จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช. มีข้อเสนอมาถึงรัฐบาลแล้ว เราพร้อมจะนำมาไตร่ตรองดู ก็ถือเป็นข้อพึงสังวร ไม่ใช่ข้อที่ต้องพึงปฏิบัติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สามารถ ‘ยืนยัน’ ว่ารัฐบาลจะไม่ล้มเลิกโครงการนี้ใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า จุดมุ่งหมายอยู่ที่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราเชื่อว่าวันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจวิกฤต เรื่องนี้เถียงกันได้แต่ต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงาน
ส่วนกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวนั้น ภูมิธรรมระบุว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะกฎหมายที่ออกมายกโทษให้สามารถกลับไปอยู่บ้านของตัวเองหรือนอกเรือนจำ มีมาตั้งนานแล้ว เพราะในเรือนจำอยู่ยากและมีความแออัด เขาคิดว่าเรื่องใดที่โทษไม่รุนแรง ปฏิบัติตัวดี ก็สามารถออกมาพักข้างนอกได้ ซึ่งอันนี้เป็นวิธีคิดของสากล
ทั้งนี้ สิ่งที่ทักษิณได้รับประโยชน์ก็ได้จากกฎหมายที่ออกมาในสมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องกังวล และเมื่อเรียกร้องให้ทักษิณเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมก็เข้ามาแล้ว ซึ่งอยู่ตามกระบวนการยุติธรรม