พีระพันธุ์เตรียมรื้อโครงสร้างก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่ กดราคาค่าไฟถาวรลง 11.50 สตางค์ หลังที่ผ่านมาบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีสิทธิ์ในการใช้ก๊าซธรรมชาติราคาถูกจากอ่าวไทยในราคาที่ไม่หารเฉลี่ยกับราคา LNG นำเข้าจากต่างประเทศและแหล่งอื่น
พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางลดค่าไฟงวดปัจจุบัน (มกราคม-เมษายน 2567) จาก 4.68 บาทต่อหน่วย เหลือต่ำกว่า 4.20 บาทต่อหน่วย ว่า พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีนโยบายรื้อโครงสร้างพลังงานด้านก๊าซธรรมชาติครั้งสำคัญ
โดยจะแก้ไขการจัดสรรก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีสิทธิ์ในการใช้ก๊าซธรรมชาติราคาถูกจากอ่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ได้ถูกนำมาหารเฉลี่ยกับราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าจากต่างประเทศและแหล่งอื่น หรือที่เรียกว่าพูลก๊าซ (Pool Gas) ที่เป็นฐานต้นทุนที่ผลิตไฟฟ้าให้คนทั้งประเทศ ซึ่งมีราคาสูงกว่า
โดยในการประชุมครั้งล่าสุด คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีคำสั่งแก้ไข โดยโยกก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทยป้อนการผลิต LPG ให้ประชาชนใช้หุงต้มดำรงชีวิตในราคาถูกที่สุดประมาณ 219 บาทต่อล้านบีทียู
และให้ก๊าซที่เหลือป้อนการผลิตปิโตรเคมีเป็นราคาพูลก๊าซประมาณ 362 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าของประชาชนลดลงถาวรประมาณ 11.50 สตางค์ต่อหน่วย
รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง โครงสร้างพลังงาน
ทั้งนี้ แม้การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนด้านปิโตรเคมีเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งควรปรับมานานแล้ว จึงเป็นการรื้อครั้งแรกในปี 2567 จากภารกิจ ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง โครงสร้างพลังงาน’ หลังจากนี้จะเดินหน้าส่วนที่เหลือต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการรื้อระเบียบหลักเกณฑ์เพื่อให้การใช้พลังงานไฟฟ้าจาก Solar Rooftop ภายในครัวเรือนเป็นไปโดยสะดวกและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป และจะเริ่มดำเนินการนโยบาย ‘เปิดเสรีการนำเข้าน้ำมัน’ อีกด้วย
รายงานข่าวระบุอีกว่า ล่าสุดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมหารือกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งจะมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ในประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางพลังงาน (OCA) ไทย-กัมพูชา
โดยแหล่งพื้นที่แห่งนี้มีขุมทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านบาท ควรจะพูดคุยตกลงกันได้ เพราะจะช่วยยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้อีกด้วย