บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยยานพาหนะหลากชนิด ในโรงงานอุตสาหกรรมที่เครื่องจักรกลทำงานอย่างไม่หยุดนิ่ง ในแปลงเกษตรที่มีเครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สิ่งที่คอยขับเคลื่อนเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มุ่งสู่อนาคตคือ ‘น้ำมันหล่อลื่น’ ที่แม้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เครื่องยนต์กลไกยังคงทำงานต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง
เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ของ PTT Lubricants ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสัญชาติไทยภายใต้บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง จากการอยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 30 ปี แต่ก็ยังคงไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ทำไม PTT Lubricants จึงเป็นอันดับ 1 นี่คือคำถามที่เราจะไปค้นหาคำตอบจาก ไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
‘คุณภาพต้องมาก่อน’ วิสัยทัศน์ของผู้นำอันดับ 1 ตลาดหล่อลื่นไทย
ปัจจุบันตลาดน้ำมันหล่อลื่นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มยานยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรม ที่แม้รูปแบบการใช้งานน้ำมันหล่อลื่นจะแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ผู้บริโภคปลายทางต้องการเหมือนกันทั้ง 2 กลุ่ม คือคุณภาพ
“พื้นฐานสำคัญที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคือเรื่องคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยานยนต์หรือกลุ่มอุตสาหกรรม ความต้องการสูงสุดของผู้บริโภคคือคุณภาพที่เขาสามารถไว้วางใจได้ว่าน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตต่างๆ ขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องราคาที่อยู่ในจุดที่ยอมรับได้ ซึ่ง PTT Lubricants ให้ความสำคัญอย่างมากสำหรับการสำรวจความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้ได้ข้อมูลว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคืออะไร และนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ทั้งในแง่คุณภาพและราคาที่ผู้บริโภคยอมรับได้”
ด้วยการศึกษาวิจัยความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตามเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป เมื่อผสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและวัตถุดิบจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. ทำให้ PTT Lubricants มีผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่าง Performa Synthetic Eco Car สำหรับรถยนต์ Eco Car หรือ Hydraulic Biosyn น้ำมันไฮดรอลิกที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึง Rubteda ผลิตภัณฑ์น้ำมันผสมยางที่ไม่เป็นพิษ สำหรับการผลิตยางที่ส่งออกไปขายในทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง EVOTEC น้ำมันเครื่องที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม ภายใต้แนวคิด 3E Benefits ได้แก่
- Endurance ช่วยให้ขจัดคราบสกปรกของเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งาน
- Efficiency เต็มพลังทุกอัตราเร่ง ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ
- Environment ลดก๊าซไอเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มอากาศที่ดีเพื่ออนาคต
เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนทำให้ PTT Lubricants กลายเป็นผู้นำอันดับ 1 ในภาพรวมตลาดหล่อลื่นอย่างแท้จริง พิสูจน์ได้จากรางวัลความน่าเชื่อถือของแบรนด์ระดับประเทศ 3 รางวัลในปีที่ผ่านมา คือรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023, รางวัล 2023 Thailand’s Most Admired Brand และรางวัล Innovation Brand Award จาก BrandAge ซึ่งตอกย้ำความสำเร็จว่า PTT Lubricants เป็นแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นยอดนิยมของคนไทย
“ด้วยความที่เราเป็นแบรนด์ไทย จุดยืนของเราในเวทีการแข่งขันด้านน้ำมันหล่อลื่นเราตั้งเป้าว่าเราต้องเป็นอันดับ 1 ในประเทศ เรามีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำสัดส่วนการตลาดอันดับ 1 เนื่องจากเรามีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมในทุกๆ เซ็กเมนต์ น้ำมันหล่อลื่นมีความหลากหลายมาก ทั้งประเภทของน้ำมัน รวมไปถึงเกรดของน้ำมัน เรามีความได้เปรียบในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่เรามีครอบคลุมในทุกๆ กลุ่ม ทุกๆ เกรดของน้ำมันที่สามารถให้ผู้บริโภคเลือกใช้ได้
“การเป็นที่หนึ่งนั้นหมายความว่าผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เรามีการวิจัยความต้องการของผู้บริโภคในทุกๆ กลุ่ม ทั้งกลุ่มคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราอยู่แล้ว ทำอย่างไรให้เขาใช้ผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มที่ยังไม่เคยใช้ ทำอย่างไรให้เขาเปลี่ยนใจ” ไพศาลกล่าวถึงจุดแข็งของ PTT Lubricants
ความท้าทายที่ขับเคลื่อนด้วยอนาคต
ท่ามกลางความท้าทายที่ถาโถมตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น การเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดน้ำมันหล่อลื่น ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคชะลอตัว ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ PTT Lubricants ต้องมองไกลกว่าเดิมเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต
“ตอนนี้เทรนด์ของรถยนต์มีการส่งเสริมการใช้รถ EV มากขึ้น แต่ในความเป็นจริง แม้ตลาดโลกจะไปในทิศทางนั้น ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่มีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม PTT Lubricants ก็มีการเตรียมพร้อมที่จะซัพพอร์ตรถยนต์ EV ไว้แล้ว ถึงแม้ว่าจะใช้น้ำมันเครื่องน้อยลง แต่ก็มีการใช้น้ำมันเกียร์ ซึ่งทาง PTT Lubricants มีการพัฒนาน้ำมันเกียร์รองรับรถยนต์ EV โดยเฉพาะด้วย
“ในส่วนของอุตสาหกรรมเราก็มีผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นครอบคลุมในทุกประเภทอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเกษตร โรงไฟฟ้า โรงงานต่างๆ ซึ่งยังมีเครื่องจักร เครื่องยนต์ที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันหล่อลื่นอยู่ เราก็จะโฟกัสมาในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งในระยะยาว แม้ว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับยานยนต์จะค่อยๆ ชะลอตัวลงไปในอนาคต แต่น้ำมันหล่อลื่นก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังต้องใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้นระยะยาวของเราก็หวังว่าจะเติบโตในตลาดอุตสาหกรรมมากขึ้น” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น กล่าวถึงการปรับตัวเพื่อรองรับอนาคต
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแล้ว PTT Lubricants ยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยมีนโยบายด้านการผลิตและควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตั้งราคาขายที่จูงใจผู้บริโภค การนำเทคโนโลยีในระดับสากลมาช่วยในการรับ เก็บ และจ่ายสินค้า ภายใต้แนวคิด Smart Factory Smart Supply Chain เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับโปรแกรมส่งเสริมการขาย การสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างความแตกต่าง รวมถึงช่องทางการจำหน่ายที่มี FIT Auto ศูนย์บริการยานยนต์ของ OR ที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการส่งมอบคุณภาพสู่มือผู้บริโภคผ่านการแนะนำของช่างผู้เชี่ยวชาญ
“เราจะมีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์หรืออุตสาหกรรม เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า ความเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วนการตลาดในประเทศยังเป็นสิ่งที่เราคาดหวัง และอยากจะรักษาอันดับ 1 ของเราไว้ให้ได้” ไพศาลกล่าวทิ้งท้าย