ปตท.สผ. ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมในปี 2567 โต 9% ส่วนในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเน้นการพัฒนาโครงการสำคัญให้สามารถเริ่มการผลิตปิโตรเลียมได้ พร้อมมองหาโอกาสการลงทุนในพลังงานสะอาดในภูมิภาคต่างๆ ของโลก
มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามแผนกลยุทธ์ มุ่งเน้นการดำเนินงานใน 3 ด้านหลัก คือ การขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (Drive Value), การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) และการเติบโตในธุรกิจใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Diversify)
โดยได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ไว้ที่ 6,721 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 230,194 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน 4,316 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 147,823 ล้านบาท และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 2,405 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 82,371 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนงานหลัก ดังนี้
- เพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการหลัก เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศไทย ได้แก่ โครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล และฟูนาน) โครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช) โครงการอาทิตย์ โครงการเอส 1 โครงการคอนแทร็ก 4 โครงการในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย รวมถึงโครงการผลิตหลักในต่างประเทศ โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 3,202 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 109,669 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีแผนการดำเนินกิจกรรมซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 ด้วยการบริหารจัดการการลงทุนในโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีคาร์บอนต่ำ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต เช่น การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CCS (Carbon Capture and Storage) รวมถึงการดำเนินการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น โดยจัดสรรรายจ่ายลงทุนในส่วนนี้จำนวน 109 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 3,733 ล้านบาท
- เร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ แหล่งลัง เลอบาห์ ในโครงการมาเลเซีย เอสเค 410 บี และโครงการอื่นๆ ในมาเลเซีย รวมทั้งโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน โดยบริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 762 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 26,099 ล้านบาท
- เร่งดำเนินการสำรวจในโครงการต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 220 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 7,535 ล้านบาท
ขณะที่การศึกษาทางธรณีวิทยา การเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผลของโครงการในประเทศไทย มาเลเซีย โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (2567-2571) บริษัทได้จัดสรรงบประมาณรวม 32,575 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 1,083,376 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
หน่วย: ล้านดอลลาร์
นอกจากการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวแล้ว ปตท.สผ. ให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยได้สำรองงบประมาณเพิ่มเติม (Provisional Budget) สำหรับปี 2567-2571 อีกจำนวน 2,022 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 67,822 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนนอกชายฝั่ง (Offshore Renewables) ธุรกิจดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS as a Service) ธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน การต่อยอดเทคโนโลยีที่บริษัทมีอยู่ไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์รวมถึงธุรกิจใหม่อื่นๆ
ทั้งนี้ จากแผนงานดังกล่าว ปตท.สผ. ได้ประมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวัน (Average Sales Volume) จากโครงการปัจจุบัน ระหว่างปี 2567-2571 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
หน่วย: บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
อีกทั้ง ปตท.สผ. ได้ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในปี 2567 ขึ้นประมาณ 9% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการผลิตของโครงการจี 1/61 ส่วนในช่วง 5 ปีข้างหน้าการลงทุนหลักๆ จะเน้นการพัฒนาโครงการสำคัญให้สามารถเริ่มการผลิตปิโตรเลียมได้ เพื่อสร้างการเติบโตตามแผนงาน ในขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสการลงทุนในพลังงานสะอาดในภูมิภาคต่างๆ ของโลกด้วย” มนตรีกล่าว
ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ปตท.สผ. มีแผนจะเริ่มการผลิตปิโตรเลียมหลายโครงการ ได้แก่ ในปี 2568
โดยจะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 ส่วนในปี 2570 จะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการมาเลเซีย เอสเค 405 บี และในปี 2571 คาดว่าจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งลัง เลอบาห์ ในโครงการมาเลเซีย เอสเค 410 บี เริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวจากโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 และเริ่มการผลิตน้ำมันดิบจากโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคช ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียมตามแผนงาน