แม้ว่ารัฐบาลเอลซัลวาดอร์จะพยายามส่งเสริมการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้อย่างแพร่หลายภายในประเทศ และเป็นประเทศเดียวในโลกที่ให้บิทคอยน์ (BTC) เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่รายงานล่าสุดของ CoinGecko ชี้ให้เห็นถึงจำนวนผู้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลที่มีจำนวนจำกัดในประเทศ
ประชาชนในเอลซัลวาดอร์ถือครองบิทคอยน์คิดเป็นจำนวน 1.72%
ข้อมูลจาก Triple-A แสดงให้เห็นว่า จากประชากรทั้งหมด 6.36 ล้านคนในประเทศเอลซัลวาดอร์ มีเพียงประมาณ 109,175 คนเท่านั้นที่เป็นเจ้าของบิทคอยน์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1.72% นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ว่า แม้เอลซัลวาดอร์จะเป็นประเทศที่สนับสนุนบิทคอยน์อย่างจริงจัง แต่ประเทศอยู่ในอันดับที่ 55 ในดัชนีการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หลายประเทศที่สั่งแบนคริปโตกลับมีสัดส่วนการถือครองที่มากขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น ในประเทศจีน ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 4.08% ของประชากรทั้งหมดที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งคิดเป็นจำนวนมากถึง 58 ล้านคนเลยทีเดียว
แม้การใช้บิทคอยน์ในประเทศเอลซัลวาดอร์จะยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ได้สนับสนุนเพิ่มการลงทุนคริปโตภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา บูเคเลเผยว่า ประเทศมีการลงทุนใน BTC ทั้งหมดเกือบ 131 ล้านดอลลาร์ และคิดเป็นกำไรสุทธิเกือบ 3.6 ล้านดอลลาร์
เอลซัลวาดอร์เปิดตัวโครงการ Freedom Visa ที่ให้สัญชาติจากการถือครองบิทคอยน์
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่าประเทศได้ริเริ่มโครงการการลงทุนเพื่อดึงดูดผู้อยู่อาศัยในระยะยาวเข้ามาในประเทศ และนักลงทุนเหล่านี้มีสิทธิที่จะขอสัญชาติในภายหลังได้ โครงการ Freedom Visa จะมอบวีซ่าผู้พำนักอาศัยและปูเส้นทางไปสู่การเป็นพลเมือง สำหรับบุคคลที่เตรียมจะลงทุน 1 ล้านดอลลาร์ในบิทคอยน์หรือ Tether ในประเทศ
สำหรับผู้ที่สนใจขอใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ระยะยาวและต้องการเป็นพลเมืองเต็มรูปแบบ จะต้องสมัครโดยมีค่าใช้จ่าย 999 ดอลลาร์ที่ไม่สามารถขอคืนได้ในสกุลเงิน BTC หรือ USDT ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้เริ่มใช้งานจริงในวันศุกร์ที่ผ่านมา
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง:
