ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง 5 วันติดต่อกัน และใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อุปทานของน้ำมันอาจบดบังอุปสงค์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่า OPEC+ มีแผนจะควบคุมการผลิตอีกครั้งในปีหน้าก็ตาม
ดัชนีราคาน้ำมันดิบ Brent แตะระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลง 11% ซึ่งเป็นรอบการสูญเสียที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ด้านดัชนี West Texas Intermediate ร่วงลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า สต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีกครั้งใน Cushing Hub นอกจากนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันอยู่ในระดับทรงตัวเกือบมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับความต้องการน้ำมันเบนซินที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณว่าปริมาณน้ำมันยังเพียงพอในระยะสั้น
การถดถอยของราคาน้ำมันเกิดขึ้นแม้กลุ่มประเทศ OPEC+ จะสั่งยกระดับลดกำลังการผลิต ซึ่งทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ขณะที่สัญญาณซื้อ-ขายล่วงหน้าลดลงกว่า 25% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนกันยายน หลังหลายฝ่ายกังวลว่าประเทศนอกสมาชิก OPEC+ จะเพิ่มระดับการผลิตแซงหน้า และมีการคาดเดาว่าสมาชิก OPEC+ เองอาจไม่ยึดติดกับการควบคุมอย่างเต็มที่
ท่าทีล่าสุดของประเทศพันธมิตร OPEC+ บ่งชี้ได้ว่า ข้อตกลงล่าสุดจะยังคงอยู่และอาจพัฒนาต่อไปได้ ซาอุดีอาระเบียกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า การลดการผลิตจะสามารถดำเนินได้ถึงเดือนมีนาคมปีหน้าอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับรัสเซียที่ส่งสัญญาณคล้ายกัน ขณะที่แอลจีเรียและคูเวตเป็นประเทศล่าสุดที่แสดงท่าทีหั่นการผลิตได้เช่นกัน ทำให้ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในความไม่แน่นอน
นอกจากนี้หลังจากที่หน่วยงานต่างๆ ได้ปรับลดมุมมองบวกต่อพันธบัตรรัฐบาลจีน และคาดหวังให้ทางการจีนมีการตอบโต้บ้าง ในขณะเดียวกันข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนลดลงในเดือนที่แล้วสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน เนื่องจากโรงกลั่นในท้องถิ่นต้องต่อสู้กับข้อจำกัดในการส่งออกเชื้อเพลิงและอัตรากำไรที่ลดลง ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง
นักวิเคราะห์ของ Citigroup กล่าวว่า ภาวะการเทขายน้ำมันอาจเพิ่มโอกาสที่ OPEC+ จะเรียกประชุมฉุกเฉินภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตลาดกำลังผิดหวังมากกับมาตรการล่าสุดของกลุ่มประเทศสมาชิก
อ้างอิง: