The Marsh King’s Daughter ภาพยนตร์ดราม่า-ระทึกขวัญที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกันของ Karen Dionne โดยได้ผู้กำกับมากวิสัยทัศน์ Neil Burger จาก Limitless (2011) และ Divergent (2014) มารับหน้าที่ตีความเรื่องราวบนหน้าหนังสือให้ออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ พร้อมด้วย Mark L. Smith จาก The Revenant (2015) และ Elle Smith มารับหน้าที่เขียนบทร่วม
โดยในฉบับภาพยนตร์จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Helena (Daisy Ridley) หญิงสาวผู้เกิดและเติบโตมากับ Jacob (Ben Mendelsohn) พ่อผู้เป็นอาชญากรสุดโหดเจ้าของฉายา Marsh King ที่เคยขังแม่ของตัวเองไว้กลางป่าลึกนานหลายปี จนทำให้เธอต้องเรียนรู้การเอาชีวิตรอดท่ามกลางธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก แต่ในท้ายที่สุดเธอและแม่ก็สามารถหนีเอาชีวิตรอดจากน้ำมือของพ่อได้สำเร็จ
กระทั่งวันเวลาผ่านไปร่วม 20 ปี Helena ใช้ชีวิตอย่างสงบกับสามีและลูก วันหนึ่งเธอก็ทราบข่าวว่า Marsh King ได้แหกคุกออกมาอีกครั้ง เธอจึงต้องเลือกว่าจะหลบหนีหรือเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองเพื่อปกป้องครอบครัวที่รักเอาไว้
อ่านจากพล็อตเรื่องและตัวอย่าง จุดเด่นอย่างหนึ่งของ The Marsh King’s Daughter ที่กระโดดเด้งออกมาในทันทีคือไอเดียของเรื่องที่แข็งแรง อ่านแล้วสร้างความน่าสนใจให้เราได้ในทันที กับเรื่องราวของลูกสาวที่ต้องเผชิญหน้ากับพ่อผู้เป็นอาชญากรสุดโหด
อีกหนึ่งส่วนที่ผู้เขียนสนใจเป็นการส่วนตัว คือชื่อของ Daisy Ridley ที่มารับบทเป็น Helena ส่วนหนึ่งเพราะผู้เขียนเริ่มรู้จักชื่อของเธอครั้งแรกๆ จากไตรภาค Star Wars Sequel ซึ่งแม้ภาพรวมของภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องอาจจะดูตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่ Daisy Ridley ก็ทำหน้าที่ถ่ายทอดบทบาทของตัวเองออกมาได้อย่างโดดเด่น รวมถึงใน Murder on the Orient Express (2017) ของผู้กำกับ Kenneth Branagh ที่เธอก็นำเสนอบทบาทของตัวเองได้ดีไม่แพ้กัน
เราจึงสนใจเป็นการส่วนตัวว่าในผลงานครั้งนี้ Daisy Ridley จะตีความและถ่ายทอดบทบาทที่ตัวเองได้รับออกมาในรูปแบบไหน
และอย่างแรกที่เราขอหยิบยกมากล่าวถึงคือ แม้ว่าในตัวอย่างของ The Marsh King’s Daughter จะนำเสนอฉากการไล่ล่าสุดระทึกและบรรยากาศชวนตึงเครียดไว้อย่างเนืองแน่น แต่เนื้อในจริงๆ ของภาพยนตร์ไม่ได้ถูกขับเน้นด้วยความลุ้นระทึกเท่าไรนัก ผู้กำกับและทีมสร้างเลือกที่จะพาผู้ชมเข้าไปทำความรู้จักกับตัวละคร Helena อย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มตั้งแต่ความสัมพันธ์ของเธอและพ่อในวัยเด็ก ชีวิตในปัจจุบันของเธอที่ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอันอบอุ่น แต่ขณะเดียวกันเธอก็หวนคิดถึงผืนป่าที่เคยเติบโตมา ไปจนถึงความรู้สึกที่ผสมปนเปเมื่อเธอทราบข่าวว่าพ่อของตัวเองแหกคุกออกมา
ไม่มากไม่น้อย The Marsh King’s Daughter จึงเป็นภาพยนตร์ที่ถูกบอกเล่าเป็นเส้นตรง ไม่ได้มีกราฟที่สูงหรือต่ำอย่างโดดเด่นมากนัก รวมถึงไม่ได้พยายามจะขยี้อารมณ์ของผู้ชมด้วยฉากดราม่าเข้มๆ หรือฉากไล่ล่าระทึกขวัญที่ลุ้นชวนจิกเบาะ
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ผู้กำกับและทีมสร้างนำเสนอได้โดดเด่นมากๆ คือการสร้าง ‘บรรยากาศ’ ของเรื่องที่ตรึงให้เราอยู่กับเรื่องราวได้อย่างอยู่หมัด ผ่านงานภาพที่ถ่ายทอดทิวทัศน์ของผืนป่าและหนองน้ำอันกว้างใหญ่ที่เปรียบเสมือนอีกหนึ่งตัวละครของเรื่อง ซึ่งมองในแง่หนึ่งก็ชวนให้เรารู้สึกเงียบสงบและอันตรายไปพร้อมกัน ไปจนถึงการจัดแสงเงาและดนตรีประกอบที่ช่วยขับเน้นให้เราสัมผัสถึงห้วงอารมณ์ของตัวละครได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งองค์ประกอบรอบข้างที่ถูกนำเสนอมาได้อย่างโดดเด่นเหล่านี้ยังทำหน้าที่พาเราเข้าไปสัมผัสกับทุกห้วงอารมณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญอย่างใกล้ชิดและชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย พร้อมกันนั้นมันก็ช่วยทำให้ฉากการเผชิญหน้ากันของสองพ่อลูกในช่วงสุดท้ายอัดแน่นไปด้วยความกดดันและสมจริง
และหัวใจสำคัญของเรื่องที่เราไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นคือการแสดงของสองนักแสดงนำอย่าง Daisy Ridley และ Ben Mendelsohn ที่ต่างก็ถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทั้ง Ben Mendelsohn กับบทบาทของพ่อผู้เป็นอาชญากรสุดโหดที่ใครหลายคนต่างหวาดกลัว แต่ขณะเดียวกัน Ben Mendelsohn ก็พาเราไปรู้จักกับ Jacob ในมุมมองของพ่อที่รักลูกในแบบของตัวเองไปพร้อมกันอีกด้วย
เช่นเดียวกับ Daisy Ridley ในบทบาทของ Helena ที่นำเสนอความวิตกกังวล หวาดกลัว และเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัว ไปจนถึงความสับสนว่าสุดท้ายแล้วภายในใจลึกๆ แล้วเธอยังหวนคิดถึงพ่อของตัวเองอยู่จริงๆ หรือเปล่า
ซึ่งบางทีเราก็อาจตีความเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ในแง่หนึ่งได้ว่า Helena อาจเป็นภาพแทนของคนที่พยายามปฏิเสธและหลบหนีอดีตของตัวเองมาโดยตลอด และพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างปัจจุบันให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ดูเหมือนว่าในท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจหลีกหนีจากอดีตของตัวเองได้ หากแต่การโอบรับอดีตและยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อร่างให้เราเป็นเราในปัจจุบัน ก็อาจช่วยให้บาดแผลหรือความเจ็บปวดในอดีตนั้นบรรเทาลงไปได้ไม่มากก็น้อย
ในภาพรวมแล้ว แม้ว่า The Marsh King’s Daughter อาจไม่ได้โดดเด่นมากนักในแง่การสร้างความลุ้นระทึกหรือความกดดันจนชวนให้เราต้องจิกเบาะ รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่เป็นเส้นตรง ไม่หวือหวา แต่ขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็พาเราเข้าไปสำรวจมิติของตัวละครอย่างลุ่มลึก ผ่านบรรยากาศของเรื่องที่เปี่ยมมนตร์เสน่ห์และการแสดงของ Daisy Ridley และ Ben Mendelsohn ที่จูงมือเราก้าวเข้าสู่ผืนป่าของพวกเขาไปได้ตลอดทั้งเรื่อง
The Marsh King’s Daughter เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Mongkol Major