หุ้น บมจ.อรสิริน โฮลดิ้ง หรือ ORN เข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (30 ตุลาคม) เป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อ-ขายที่ 1.29 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือติดลบ 13.42% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 1.49 บาท โดยระหว่างการซื้อ-ขายภาคเช้าราคาร่วงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1.10 บาท ลดลง 0.39 บาท ติดลบ 26.17% ส่วนราคาสูงสุดอยู่ที่ 1.33 บาท ติดลบ 10.74% ก่อนที่หุ้น ORN ปิดการซื้อ-ขายภาคเช้าที่ 1.17 บาท ลดลง 0.32 บาท ติดลบ 21.48% จากราคา IPO
ORN เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อ-ขายใน SET ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมูลค่าระดมทุน 605.69 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 2,235 ล้านบาท
ORN ประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นหลัก โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์บีลีฟ, ฮาบิแทท และดิ เอสเคป เป็นต้น และโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูงทั้ง Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์เดอะ เน็กซ์, ดิ แอสตร้า และอะไรซ์
ทั้งนี้ ORN มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวม 2,244 ล้านบาท และโครงการในอนาคตที่มีแผนจะเปิดดำเนินการภายในปี 2567 จำนวน 9 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,164 ล้านบาท
ORN มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 1,500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,093.5 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 406.5 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 5.73 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม
ปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อรสิริน โฮลดิ้ง เปิดเผยว่า ORN มีแผนที่จะนำเงินไปลงทุนซื้อที่ดินเปล่าในทำเลที่มีศักยภาพ และนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประเภทที่อยู่อาศัย รวมถึงใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของภาคเหนือ
ORN มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะของบริษัท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นกับกระแสเงินสด แผนการลงทุน เงื่อนไขทางกฎหมาย และการจ่ายเงินปันผลนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่
- ปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ถือหุ้น 68.83%
- อรอนงค์ อุดมศิริธำรง ถือหุ้น 3.67%
- กลุ่มครอบครัวพาณิชย์พิศาล ถือหุ้น 0.21%
โดยทั้ง 3 ลำดับเป็นกลุ่มครอบครัวพี่น้องของผู้ก่อตั้ง