กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เซ็นสัญญาขายไฟฟ้า Solar Farms พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน รวม 12 โครงการ ขายไฟฟ้าให้ กฟผ. สัญญาระยะยาว 25 ปี กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 649.31 เมกะวัตต์ ได้กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2567-2568 พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพอร์ตโรงไฟฟ้า มีพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่าสัดส่วน 40% ภายในปี 2578
ยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพื่อลดอัตราค่าไฟฟ้าและมุ่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดำเนินการประกาศรับซื้อไฟฟ้าตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573
สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ซึ่งกลุ่มบริษัท GULF ได้ยื่นข้อเสนอตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนนั้น
โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 กลุ่มบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด ในสัดส่วน 100% ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar Farms with Battery Energy Storage Systems) จำนวนรวม 12 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 649.31 เมกะวัตต์ และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2567-2568 ซึ่งโครงการทั้งหมดดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar Farms with Battery Energy Storage Systems) มีอัตราจำหน่ายไฟฟ้าในรูปแบบ FiT ที่ 2.1679 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 2.8331 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ตามลำดับ ตลอดอายุสัญญา ซึ่งการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ จะช่วยลดความผันผวนจากราคาเชื้อเพลิง และช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมให้ได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่ต่ำตลอดอายุสัญญา เนื่องจากโครงการฯ มีต้นทุนผลิตไฟฟ้าที่ต่ำกว่าราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการดังกล่าวข้างต้นเป็นไปตามแผนของบริษัทฯ ที่จะมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 40% ภายในปี 2578 โดยในอนาคตจะทยอยลงนามสัญญาเพิ่มเติม สำหรับโครงการที่มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2569-2573 ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการพัฒนาโครงการฯ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป