วันนี้ (15 กันยายน) ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 13 (พตส.13) จัดงานนำเสนอยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติการต่อสาธารณะ โดย ชวน หลีกภัย สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาเรื่อง ‘ฉากทัศน์ประเทศไทย…หลังการจัดตั้งรัฐบาล’
โดยชวนได้ย้อนเล่าฉากทัศน์การเมืองในช่วงเริ่มต้นที่เล่นการเมืองและลงสมัครเลือกตั้งว่า 54 ปีที่การเปลี่ยนแปลงการเมืองยึดโยงกับรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดหลายเหตุการณ์ ทั้งการยึดอำนาจและการต่อสู้ทางการเมือง แต่ก็ทำให้ประชาธิปไตยเติบโตขึ้น แม้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน จนการเมืองเข้ามาสู่ยุคที่มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่จากที่ผ่านการเลือกตั้งมา 17 สมัย สิ่งที่เห็นคือการเกิดนักการเมืองรุ่นใหม่มากขึ้น แต่ตนยังเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง
ชวนยังสะท้อนภาพการเมืองหลังเลือกตั้งรอบนี้ว่า หากเทียบกับรัฐบาลที่แล้วซึ่งมี 19 พรรค การตั้งรัฐบาลคราวนี้น่าจะทำได้ง่ายกว่า อาจใช้จำนวน สส. จากการรวมเสียงเพียง 3 พรรค คือ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ก็น่าจะจัดตั้งได้ แต่กลับไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จากปัญหาเรื่องทัศนคติและนโยบายที่ไม่ตรงกัน
ชวนยังระบุว่า ในอดีตแม้ตัวเลข สส. ฝ่ายรัฐบาลอาจจะมีจำนวนมากกว่านี้ แต่เมื่อมีผู้บริหารรัฐบาลที่ออกนอกหลักนิติบัญญัติและละเมิดหลักนิติธรรม เช่น นโยบายฆ่าตัดตอน ฆ่าทิ้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็สะท้อนว่ารัฐบาลเสียงข้างมากอาจมีปัญหาได้หากกระทำขัดหลักนิติธรรม
นอกจากนี้ การเลือกตั้งปี 2566 ก็เป็นตัวอย่างว่าการแก้ปัญหาทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะพบว่าการซื้อสิทธิขายเสียงในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ สะท้อนความก้าวหน้าทางลบ และขอเตือนทุกฝ่ายอย่าประมาทว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตจะไม่เกิดซ้ำขึ้นอีกในปัจจุบัน เพราะประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยได้ โดยการทุจริตการโกงอาจเอาคืนได้ แต่ชีวิตคนเอาคืนไม่ได้ เช่น การใช้นโยบายความมั่นคงที่ผิดพลาด