หุ้น บมจ.ไทย โคโคนัท (COCOCO) เข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (14 กันยายน) เป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อ-ขายที่ 8 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือบวก 45.45% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 5.50 บาท
ราคาในการซื้อ-ขายช่วงเช้าทรงตัวในระดับสูงได้ต่อเนื่อง และไต่ระดับแตะจุดสูงสุดที่ 8.25 บาทต่อหุ้น และล่าสุดเวลา 10.56 น. ราคาซื้อ-ขายอยู่ที่ 8.15 บาทต่อหุ้น มูลค่าการซื้อ-ขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกระดาน SET
COCOCO เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อ-ขายใน SET ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยมูลค่าระดมทุน 2,035 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 8,085 ล้านบาท
บมจ.ไทย โคโคนัท บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ เช่น กะทิบรรจุกระป๋อง, กะทิบรรจุกล่องยูเอชที (UHT), กะทิพาสเจอไรซ์น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง, น้ำมะพร้าวกล่องยูเอชที (UHT), น้ำมะพร้าวพาสเจอไรซ์, ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thai Coco และ Cocoburi รวมถึงผลิตสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก เพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้ตราสินค้า Moochie โดยสินค้าทั้งสองประเภทมีทั้งแบบการจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเองและการรับจ้างผลิตสินค้า (Original Equipment Manufacturer หรือ OEM) ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังผลิตและจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช รวมถึงผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทำจากพืชอีกด้วย
COCOCO มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO จำนวน 735 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,100 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 370 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 22 เท่า พิจารณาจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง โดยมีบริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม
วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โคโคนัท เปิดเผยว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ผลิตภัณฑ์ขนมกินเล่นของสุนัขและแมว รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืช
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก เช่น ภาวะเศรษฐกิจ, ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ, เงินทุนหมุนเวียน, แผนการลงทุน, ภาระหนี้สินและข้อจำกัดตามสัญญากู้ยืมเงิน รวมถึงความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆ
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทภายหลัง IPO ประกอบด้วย บริษัท เชาว์-อารีย์ โฮลดิ้ง จำกัด และกลุ่มผู้ก่อตั้งนำโดย วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 74.83%