วันนี้ (12 กันยายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.อ. วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ผกก.2 บก.ทล.) หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ตัดสินใจยิงตัวเอง เนื่องด้วยความเครียดจากคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว สารวัตร สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ สารวัตรแบงค์ ที่ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านประวีณ จันทร์คล้าย หรืออดีตกำนันนก
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ต้องสูญเสียลูกน้องไปอีกคน เพราะ พ.ต.อ. วชิรา เป็นคนดีคนหนึ่งที่ไม่เคยให้ร้ายใคร ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับใคร มีอัธยาศัยดี ทั้ง พ.ต.อ. วชิรา และ พ.ต.ต. ศิวกร เป็นลูกน้องที่น่ารัก โดยก่อนเกิดเหตุที่ พ.ต.อ. วชิรา ยิงตนเอง ตนได้เรียก พ.ต.อ. วชิราให้มาพบในวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยให้เกิดความผ่อนคลาย เนื่องจากเจ้าตัวมีอาการเครียดหนัก เพราะหลังจากเกิดเรื่อง พ.ต.อ. วชิรา รู้สึกผิดที่พาลูกน้องไปเสียชีวิต
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ระบุว่า นายตำรวจทั้งสองรักกันมาก เรียนสถาบันเดียวกัน ทำงานด้วยกัน กินเที่ยวด้วยกัน จึงมีความผูกพันกันเป็นพิเศษ จึงทำให้ พ.ต.อ. วชิรา ทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ หลังจากตนพูดคุยก็ดูเหมือนว่าอาการดีขึ้น ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ตนยังแนะนำให้ พ.ต.อ. วชิรา ปิดโทรศัพท์ หยุดการติดต่อสื่อสารทุกอย่าง ให้นำโทรศัพท์ฝากไว้กับลูกน้อง นอนให้เพียงพอ ให้ลูกน้องช่วยดูแล แล้วให้มาพบตนอีกครั้งในวันที่ 11 กันยายน
แต่ พ.ต.อ. วชิรา หนีออกมาจากโรงแรมที่ให้พักในเวลา 04.00 น. โดยเดินลงมาจากบันไดหนีไฟ ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านพัก แล้วก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการที่พาน้องรักไปเสียชีวิต
ทั้งนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวพร้อมกับน้ำตาคลอ เพราะเสียใจกับการจากไปของลูกน้องถึง 2 คน พร้อมระบุว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย พร้อมกับยกมือไหว้
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ตนเองอยากขอร้อง 3 เรื่อง ส่วนแรกอยากร้องขอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจชุดสืบสวน แยกกลุ่มตำรวจที่ไปร่วมงานในวันเกิดเหตุบ้านอดีตกำนันนกให้ชัดเจน ซึ่งกลุ่มแรกคือกลุ่มของ พ.ต.อ. วชิรา และพวก ที่เป็นผู้นำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่งโรงพยาบาล กลุ่มนี้น่าเห็นใจ เพราะทั้งหมดมีอาการเครียดจนตนกลัวว่าจะเกิดผู้เสียชีวิตรายที่ 3
แต่สำหรับกลุ่มที่ 2 คือตำรวจที่ไปให้ความช่วยเหลือกับผู้ต้องหานั้นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ปล่อยไว้ไม่ได้ และกลุ่มที่ 3 คือตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่คิดจะทำอะไรเลย กลับหนีหัวซุกหัวซุน กลุ่มนี้ก็ต้องดำเนินการด้วยเช่นกัน
เรื่องที่ 2 ที่ตนอยากขอร้องคือ อยากร้องขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง อย่านำเสนอตามกระแสโซเชียลมากเกินไป นำเสนอไปในทางที่ถูก
และเรื่องที่ 3 คือ อยากร้องขอประชาชนอย่าเพิ่งตั้งข้อสงสัยหากยังไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ เพราะจะทำให้เกิดกระแสกดดัน ทำให้ตำรวจดีๆ บางนายที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รับผลกระทบจนเกิดความเครียด
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนตัวมีแนวคิดจะตั้งกองทุนการศึกษาขึ้นมาช่วยเหลือบุตรของ พ.ต.อ. วชิรา และ พ.ต.ต. ศิวกร ส่วนการเยียวยาดูแลสภาพจิตใจตำรวจทางหลวงที่เหลือก็จะต้องให้กำลังใจให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
