คืนนี้หากใครพอมีเวลาว่างสักหน่อยและโชคดีพอที่ฟ้าจะเปิด อยากให้ลองเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าสักนิด
เรามีโอกาสจะได้เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแบบพิเศษๆ ที่เรียกว่า ‘Super Blue Moon’
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้แปลว่าดวงจันทร์เป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน และไม่ได้จะทำให้โงกุนกลายร่างเป็นลิงยักษ์อะไร หากแต่มาจากการที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี โดยคำว่า Super Blue Moon ก็มาจากคำว่า Super Full Moon นั่นเอง ส่วน Blue Moon จริงๆ แล้วหมายถึงการที่ดวงจันทร์เต็มดวงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน โดยที่ความดีงามของปรากฏการณ์นี้คือ เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นั่นเป็นคำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ แต่หากคุยกันด้วยเรื่องราวของฟุตบอลศาสตร์ คำว่า Blue Moon นั้นจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากบทเพลงเชียร์ของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ที่มาที่ไปของเพลงประจำทีมนี้มาอย่างไร มีความหมายอย่างไร และเกี่ยวอะไรกับพระจันทร์สีฟ้าหรือเปล่านะ?
บทเพลง Blue Moon ที่แฟนเพลงแมนฯ ซิตี้ นำมาร้องนั้นเป็นผลงานการแต่งทำนองโดย ริชาร์ด ร็อดเจอร์ส และแต่งเนื้อร้องโดย ลอเรนซ์ ฮาร์ต ซึ่งเป็นบทเพลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุค 1930
เพลงนี้ถูกศิลปินในยุคหลังนำมาขับร้องอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร็อด สจวร์ต, บิลลี ฮอลิเดย์, บ็อบ ดีแลน รวมถึง แฟรงก์ ซินาตรา
รวมถึงยังเคยปรากฏในภาพยนตร์ At the Circus, Viva Las Vegas, Grease และ An American Werewolf In London
แต่เรื่องที่เพลงนี้กลายมาเป็นเพลงประจำทีมแมนฯ ซิตี้ ได้อย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีคำตอบชัดเจนมากนัก
นั่นเป็นเพราะสำหรับเกมฟุตบอลแล้ว ปกติเพลงเชียร์ที่ร้องกันในสนามจะเป็น Chant ที่มีการแต่งเนื้อร้องหรือทำนองขึ้นกันเอง เพื่อให้กำลังใจทีมหรือให้กำลังใจนักฟุตบอลเป็นรายคน การจะนำเพลงทั่วไปมาใช้เป็นเพลงเชียร์ทีมไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก
แต่มันก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องผิดอะไร เพราะหนึ่งในบทเพลงสากลที่กลายเป็นเพลงประจำสโมสรและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกคือ You’ll Never Walk Alone ที่มีหลายสโมสรนำมาใช้เป็นเพลงประจำทีม โดยเฉพาะลิเวอร์พูลที่ชื่อเพลงและความหมายได้กลายเป็นคำขวัญและแนวทางของสโมสร
นอกจากนี้ยังมี Hey Jude หรือ Sweet Caroline ผลงานของ The Beatles ที่ถูกนำมาดัดแปลงใช้กับหลายสโมสร รวมถึงทีมชาติอังกฤษด้วย
เพลง Blue Moon ก็เช่นกัน บทเพลงนี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ ที่เชื่อกันว่าเริ่มมีการนำมาร้องกันในฤดูกาล 1989/90 ในเกมที่พวกเขาไปเยือนสนามแอนฟิลด์
ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่แมนฯ ซิตี้ ที่เคยเป็นทีมระดับท็อปของประเทศ เริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำ พวกเขาตกชั้นถึง 2 ครั้งในช่วงทศวรรษที่ 80 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอย่างยิ่ง ในขณะที่ลิเวอร์พูลครองความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องสืบจากยุคของ บิลล์ แชงคลีย์ มาจนถึง บ็อบ เพสลีย์, โจ เฟแกน และ เคนนี ดัลกลิช ในตำนาน ‘Bootroom’
โดยก่อนหน้าที่จะมาถึงเพลงนี้ มีหลายบทเพลงที่แฟนๆ ‘ซิติเซนส์’ นำมาขับร้อง ไม่ว่าจะเป็น Deliah หรือ Always Look on the Bright Side of Life (ซึ่งในเวลาต่อมา Deliah กลายเป็นเพลงประจำทีมของสโต๊ก ซิตี้ แทน)
ขณะที่เพลง Blue Moon เดิมทีมแรกที่ร้องเป็นกิจจะลักษณะคือแฟนของ ครูว์ อเล็กซานดรา แต่ว่ามันได้กลายเป็นเพลงที่แฟนแมนฯ ซิตี้ นำมาร้อง จนกลายเป็นเพลงประจำสโมสร
“ครั้งแรกที่ผมจำได้ว่ามีการร้องเพลงนี้คือเกมที่เราไปเยือนลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1989/90” แกรี เจมส์ นักประวัติศาสตร์ประจำทีมแมนฯ ซิตี้ เปิดเผย “เพลงนี้ไม่เคยมีการนำมาร้องก่อนหน้านั้นเลย”
สำหรับเหตุผลที่เลือกเพลงนี้เจมส์บอกว่า เป็นเพราะหลังจบการแข่งขันแฟนแมนฯ ซิตี้ ยังถูกกักไม่ให้ออกจากสนามเป็นเวลานาน เนื่องจากเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย เพราะในยุคนั้นปัญหาฮูลิแกนลูกหนังรุนแรง
เมื่อได้รับอนุญาตให้เดินออกจากสนามได้ ก็มีคนร้องเพลงนี้ขึ้นมา และหลายๆ คนก็ร้องต่อกันไป
อาจเป็นเพราะความชอกช้ำของผลงานทีมในยามนั้นที่ทำให้เพลง Blue Moon ซึ่งเป็นเพลงช้าที่เกิดจับใจผู้คนขึ้นมา ก่อนที่สุดท้ายจะมีการนำมาร้องกันอีกอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายก็กลายเป็นเพลงประจำสโมสรไป
โดยสำหรับแฟนแมนฯ ซิตี้ บทเพลงนี้มีความหมายลึกๆ ในทำนองของการปลอบประโลมหัวใจของกันและกัน ว่าต่อให้ผลงานของทีมมันจะย่ำแย่และเลวร้ายแค่ไหน แต่ทุกอย่างในชีวิตมันย่อมมีมุมที่ดี ขอแค่เรารู้จักมองหาความสุขให้เจอ
ณ เข็มนาฬิกาเดินไป โชคชะตาของแมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเหมือนคนละมัลติเวิร์ส นับจากการเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรของกลุ่มทุนจากอาบูดาบีในปี 2008 พวกเขาก็กลายเป็นสโมสรอันดับหนึ่งของอังกฤษ และล่าสุดก็เป็นเจ้ายุโรปไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เพลง Blue Moon ยังคงดังขึ้นเสมอในทุกนัด ไม่ว่าจะเป็นที่เอติฮัดสเตเดียม หรือสนามไหนก็ตาม
Blue Moon
You saw me standing alone
Without a dream in my heart
Without a love of my own
Blue Moon
You knew just what I was there for
You heard me saying a prayer for
Someone I could really care for
Then suddenly they’ll appear before me
The only one my arms could ever hold
I heard someone whisper “Please adore me”
And when I looked my moon had turned to gold.
Blue Moon
Now I’m no longer alone
I have a dream in my heart
I have a love of my own
อ้างอิง: