เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) รายงานกำไรสุทธิ 2Q66 จำนวน 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 48%YoY และ 8%QoQ สูงกว่าคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) กว้างกว่าคาด หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 162 ล้านบาท (ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายจากการชำระหนี้คืนก่อนกำหนดของ CPAXT จากการรีไฟแนนซ์หนี้)
กำไรปกติ 2Q66 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50%YoY และ 15%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจาก
- ยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS
- ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจาก CPAXT หลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จในเดือนเมษายน
รายการที่สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ CVS ใน 2Q66 ยอดขายสาขา (SSS) เติบโต 7.9%YoY (เทียบกับ เพิ่มขึ้น 14%YoY ใน 2Q65 และเพิ่มขึ้น 8%YoY ใน 1Q66) อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จำนวนลูกค้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 995 คนต่อสาขาต่อวัน (เพิ่มขึ้น 8%YoY) และยอดซื้อต่อบิลอยู่ที่ 84 บาท (ทรงตัว YoY) ยอดขาย 74.5% จากยอดขายทั้งหมดเกิดจากสินค้ากลุ่มอาหาร (เพิ่มขึ้น 190bps YoY ได้แรงหนุนจากยอดขายอาหารและเครื่องดื่มที่ดีขึ้น) และ 24.5% เกิดจากสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร
ใน 2Q66 CPALL เปิดสาขาเพิ่ม 168 สาขา ส่งผลทำให้จำนวนสาขาสุทธิอยู่ที่ 14,215 สาขา ณ สิ้น 2Q66 เพิ่มขึ้น 6%YoY และ 1%QoQ อัตรากำไรขั้นต้นกว้างขึ้น 140bps YoY สู่ 28.4% จาก
- มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นของ CPRAM เนื่องจากแรงกดดันด้านต้นทุนผ่อนคลายลง เพราะต้นทุนวัตถุดิบสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
- อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการปรับสัดส่วนการขายสินค้าที่ 100bps YoY สู่ 27.1% เพราะมาร์จิ้นสินค้ากลุ่มอาหารกว้างขึ้น (เพิ่มขึ้น 90bps YoY จากการปรับราคาสินค้าตั้งแต่ 3Q65 เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุน และการมียอดขายสินค้ากลุ่ม RTE และน้ำดื่มที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ) และมาร์จิ้นสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหารกว้างขึ้น (เพิ่มขึ้น 140bps YoY เพราะยอดขายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนตัวที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น)
กระทบอย่างไร:
วันที่ 11 สิงหาคม ณ 12.30 น. ราคาหุ้น CPALL ปรับเพิ่มขึ้น 3.35%DoD สู่ระดับ 61.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 3.08%DoD สู่ระดับ 1,536.49 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ใน 3Q66TD ยอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์เติบโตในอัตราชะลอตัวลงที่ 1%YoY (เทียบกับ 3%YoY ใน 2Q66) เพราะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่เปราะบางของผู้ที่มีรายได้น้อยและ Sentiment ในการจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการขยายช่องทางการขาย เช่น Omni-Channel ซึ่งประเมินว่า SSS ในธุรกิจ CVS จะเติบโตราว 3% และ CPAXT จะเติบโตราว 5% โดยเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มใน 3Q66TD
ทั้งนี้ มาร์จิ้นธุรกิจ CVS ที่กว้างกว่าคาด หนุนให้ปรับประมาณการกำไรของ CPALL เพิ่มขึ้น 4% ในปี 2566 และ 3% ในปี 2567 และคาดว่ากำไร 3Q66 จะทรงตัว/เพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และเติบโต YoY จาก
- ยอดขายและมาร์จิ้นที่เติบโตอย่างต่อเนื่องที่ธุรกิจ CVS
- ส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT ที่ดีขึ้นจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จในเดือนเมษายน และการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้านราคาหุ้น CPALL ที่ปรับตัวลดลง 5% UNDERPERFORM SET อยู่ 7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่มีแนวโน้มที่จะกลับมาปรับตัว OUTPERFORM เพราะกำไร 2Q66 แข็งแกร่ง และโมเมนตัมกำไร 3Q66 แข็งแกร่งต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงให้เรตติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CPALL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.0% และอัตราการเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 78 บาทต่อหุ้น และเลือกเป็นหุ้น High Conviction
ส่วนความเสี่ยงคือการเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่