ตั้งแต่เปิดปี 2018 เป็นต้นมา ปัญหาการปรับอัลกอริทึมใหม่บนหน้านิวส์ฟีด หรือข้อพิพาทกรณีทำข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานหลุดออกไปแพลตฟอร์มอื่นล้วนแล้วแต่กลายเป็นมรสุมวิกฤตลูกยักษ์ที่ถาโถมเข้าซัด Facebook และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก อยู่ ณ เวลานี้
พุธที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) นอกจาก Facebook จะเปิดเผยยอดผู้ใช้งานที่แท้จริงที่ได้รับผลกระทบข้อมูลส่วนตัวหลุดออกไปยัง Cambridge Analytica ว่ามีมากถึง 87 ล้านราย ไม่ใช่ 50 ล้านอย่างที่สำนักข่าวอื่นๆ ได้เปิดเผยออกมา มาร์กก็ถือโอกาสนี้จัดการประชุมทางไกลกับผู้สื่อข่าวเพื่ออัปเดตสถานการณ์ล่าสุดของตัวเขาและบริษัทว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด
ประธานบริหารวัย 34 ปีผู้นี้บอกกับสื่อมวลชนว่า กรณีข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งาน 87 ล้านรายชื่อรั่วไหลออกไปนอกแพลตฟอร์มถือเป็นความรับผิดชอบของตนและบริษัท โดยยอดดังกล่าวจะไม่เพิ่มไปมากกว่านี้ แต่อาจจะน้อยกว่าที่เปิดเผยออกมาก็ได้ ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าตนคือผู้นำที่ดีที่สุดของ Facebook ในเวลานี้
“ผมคิดว่าชีวิตคือการเรียนรู้จากความผิดพลาดและคิดหาวิธีมุ่งไปข้างหน้า
“เมื่อคุณกำลังสร้างบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกใบนี้เหมือน Facebook มันย่อมมีอะไรๆ ที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายและเผชิญกับปัญหาอยู่ตลอด ผมเลยคิดว่าการรับผิดชอบกับมันคือการดูว่าเราได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองหรือไม่”
มาร์กบอกอีกด้วยว่าการจะแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้ Facebook จะต้องทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างตนและผู้คนผ่านทุกๆ สิ่งที่ได้ทำ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาอีกหลายปีในการกู้ศรัทธาและความเชื่อใจกลับมาได้
ความเคลื่อนไหวอื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากการเปิดเผยความในใจกับสื่อมวลชน มาร์กยังได้เปิดเผยผ่าน Facebook ส่วนตัวเมื่อวันอังคารที่ 3 เมษายนที่ผ่านมานี้ว่าบริษัทได้ดำเนินการลบเพจและแอ็กเคานต์มากกว่า 270 รายชื่อที่ดำเนินการโดยสำนักวิจัยอินเทอร์เน็ต (Internet Research Agency – IRA) องค์กรจากประเทศรัสเซีย เพื่อปิดช่องตายการใช้โซเชียลมีเดียแสดงผลประโยชน์ทางการเมืองหรือหาเสียง โดยต่อจากนี้จะยกระดับความเข้มงวดของการป้องกันแพลตฟอร์ม Facebook ไม่ให้ใช้เป็นพื้นที่ทำแคมเปญการเมืองหรือเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนการเลือกตั้งในทางที่ไม่เหมาะสมมากขึ้นไปอีกขั้น
รายงานข่าวจากเว็บไซต์ CNET ยังบอกอีกด้วยว่ามาร์กอาจจะเดินทางไปให้ปากคำในฐานะพยาน กรณี Facebook ทำข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานรั่วไหลที่รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริการะหว่างวันที่ 10 และ 11 เมษายนนี้ ซึ่งข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการออกมาจากทั้ง Facebook หรือมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
อ้างอิง:
