วานนี้ (26 กรกฎาคม) จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ถึงการกลับมาประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อต่อสู้คดี
จตุพรกล่าวว่า ตนเองต้องการให้ทักษิณกลับไทยเพื่อมาต่อสู้ในคดีความ ซึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าทักษิณจะกลับไทย อย่างไรก็ตาม การกลับมาในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพยายามเล่นเกมอารมณ์กับความรู้สึกของประชาชน
ฉะนั้น นี่คือวิกฤตของพรรคเพื่อไทยหากอาศัยช่วงเวลานี้ในการข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล และนำไปสู่การตระบัดสัตย์ต่อประชาชน
“ต่อให้ร้อยทักษิณก็ไปเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงกับความรู้สึกของประชาชนไม่ได้ ต้องแยกระหว่างความรักของประชาชนที่มอบให้ทักษิณกับการตระบัดสัตย์ทางการเมือง ฉะนั้น จะปฏิเสธว่า (การกลับไทยของทักษิณ) ไม่เกี่ยวข้องกับการข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลคงเป็นไปไม่ได้” จตุพรระบุ
จตุพรเผยว่า อยากให้เรื่องการกลับไทยของทักษิณจบลง เพื่อที่จะได้มองเรื่องอื่นต่อไป เพราะการเมืองไทยผูกติดกับประเด็นการกลับบ้านของทักษิณมากเกินไป
จตุพรมองว่า ถ้าทักษิณไม่กลับมาในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ คงทำให้ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เสียหน้าพอสมควร ซึ่งทักษิณมีนิสัยชอบลังเลมาโดยตลอด เห็นได้จากหลายๆ ครั้งในการประกาศว่าจะกลับประเทศไทย แต่ก็ยังไม่เดินทางกลับมา
จตุพรยังวิเคราะห์ 3 แนวทางของพรรคเพื่อไทย ที่ทำให้ประชาชนจับตาการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
- ความไม่ชอบธรรม พรรคเพื่อไทยเริ่มต้นจากสิ่งนี้ ฉะนั้น มีหลักประกันอะไรหรือไม่ว่าสามารถไม่ปล่อยมือพรรคก้าวไกลออกจากการตั้งรัฐบาล
- ความเชื่อถือ ที่พรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ได้ว่ามีหลักการันตีความน่าเชื่อถืออย่างไร
- การได้รับการยอมรับ ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยทำยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก
นอกจากนี้ จตุพรยืนยันว่า ต่อให้ทักษิณเดินทางกลับมาไทยก็ถูกชนชั้นนำไทยหลอกให้กลับ โดยมี 2 แนวหลอก ได้แก่
- หลอกให้พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล และจะหมดสิ้นความศรัทธาจากประชาชน ซึ่งจะได้คะแนนน้อยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
- หลอกให้ยื่นมือกำจัดพรรคก้าวไกลที่เป็นแนวร่วมฝั่งประชาธิปไตยด้วย ซึ่งจะเสียทั้งเพื่อน คะแนนนิยม และจะไม่เหลืออะไรเลย
“คนที่คิดจะหลอกคนอื่นก็จะโดนหลอกตาม ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่มีใครทำลายได้ ยกเว้นทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะทำลายตัวเอง รวมถึงความเชื่อและวิกฤตศรัทธาที่ให้ไว้กับประชาชน เนื่องจากความอยาก ความละโมบ” จตุพรกล่าวปิดท้าย