วันนี้ (17 กรกฎาคม) ที่พรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ว่า เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อจะสามารถคลี่คลายปัญหาต่างๆ ให้ได้ดีที่สุด โดยช่วงบ่ายจะหารือตัวแทนเจรจา 8 พรรคถึงปัญหาต่างๆ ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งก็นำมาพูดคุยให้ที่ประชุมฟัง และเวลา 17.00 น. ของวันนี้จะประชุม 8 พรรคร่วมฯ ซึ่งยังไม่ได้ยืนยันสถานที่จากพรรคก้าวไกล ต้องรอดูว่าที่ไหน โดยจะมีการประสานงาน อยากให้สองพรรคคุยกันก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่กับกระแสตีกลับ ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่กังวล และไม่คิดว่าจะตีกลับ ตนเองไม่อยากออกมาพูดเพราะการเจรจาสองพรรคยังไม่ได้ข้อยุติ เราเห็นเหมือนกันในหลักใหญ่ แต่เห็นต่างกันในรายละเอียด โดยมีการเสนอ 2 วิธีการคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. อีกเรื่องคือฝ่าด่านการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร เราเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 272 เพราะพรรคเพื่อไทยก็ทำมาแล้วสองครั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลงดออกเสียงด้วยซ้ำไป
ภูมิธรรมมองว่าการแก้ไขมาตรา 272 ไม่ใช่วาระปัจจุบัน หรือสำคัญที่จะต้องเอามาตอนนี้ แต่เขาเห็นว่าต้องทำก็ทำ ซึ่งเสนอไปไม่เห็นความสำเร็จ โดยต้องได้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง ต้องได้ฝ่ายค้านอีก 20% แต่ตอนนี้ยังไม่มีฝ่ายค้านเลย มองว่าเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เท่านั้น พร้อมกล่าวต่อว่า เมื่อการโหวตครั้งแรกได้แค่ 13 เสียงจะให้ทำได้อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารวมเสียง ส.ว. ได้เท่าไร ภูมิธรรมกล่าวว่า แกนนำพรรคก้าวไกลก็บอกตลอดว่ารวมเสียงได้ครบแล้ว แต่ไม่เคยบอกจำนวน เราไม่เคยได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรม แต่เราก็มั่นใจที่จะทำ พร้อมโหวตให้ เชื่อว่าจะเดินหน้าได้จึงไว้วางใจ เราก็ไม่มีแตกแถว แต่ผลออกมาทำให้เราคิดถึงความเป็นจริงในการเดินหน้ารัฐบาล ไม่ใช่การโหวตไปเรื่อยๆ แบบนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มี ส.ว. บางคนจะหยิบยกเรื่องการเสนอญัตติซ้ำ ทำให้ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตกไป ภูมิธรรมกล่าวว่า กำลังพูดคุยกันว่าใช่หรือไม่ ถ้าสรุปว่าเป็นญัตติที่เสนอซ้ำแล้วถูกปักตกไป ในที่ประชุม 8 พรรคร่วมฯ จะสร้างรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยอย่างไร และหากไม่ใช่การเสนอญัตติซ้ำก็จะสนับสนุนต่อไป เมื่อโอกาสชนะไม่มีก็ต้องคุยกันว่าครั้งต่อไปจะทำอย่างไร
“หากคะแนน ส.ว. ใกล้เคียงความเป็นจริงที่จะชนะ เราก็จะช่วยหาเสียงเพิ่มเต็มที่ แต่เมื่อผลออกมาห่างไกลความเป็นจริงมาก ถ้าจะให้เราสนับสนุนต่อไปต้องดูว่าเท่าไรจึงจะยุติได้ เราขอความชัดเจน จึงต้องกลับไปคุยในพรรค แล้วประชุมหาความเห็นเป็นข้อตกลงร่วมกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือทางพรรคก้าวไกลออกมาแล้วพูดเรื่องสู้ทั้ง 2 สมรภูมิ เราไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยอยู่นอกเหนือ MOU บอกว่าถ้าไปต่อไม่ได้ก็จะให้พรรคอันดับสอง แต่การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดความยากลำบาก เพราะไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน ต้องรีบตั้งรัฐบาลให้สำเร็จและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ เรามีเวลา 1-2 ปีต้องทำให้จบ เราเชื่อว่าทำได้เพราะไม่ได้ยื้อ รวมถึงถือเป็นวาระสำคัญ” ภูมิธรรมกล่าว
“สิ่งที่เสนออยู่นอกเหนือ MOU ไม่ใช่วาระของสองพรรค ตอนนี้เหมือนมัดมือชกเรา จึงต้องออกมาพูดให้ทราบ แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งถึงขั้นโกรธกัน ไม่คุยกัน วันนี้เราจะเสนอความเห็นที่มีอย่างตรงไปตรงมาทั้งหมด วาระประเทศกับประชาชนสำคัญที่สุด ไม่ใช่วาระของพรรคก้าวไกลและพิธา จะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าได้ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม ปัญหาเอลนีโญ ถ้าทำไม่สำเร็จต้องอยู่กับลุงตู่ไปอีกยาว พรรคก้าวไกลอย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน เพราะประชาชนอยู่ในมือพรรคก้าวไกล ถ้าผิดพลาดขึ้นมาประชาชนจะลำบาก ถ้าวันนี้ตัดสินใจได้ถูกต้องจะชัดเจน คลี่คลาย จึงอยากฝากให้ก้าวไกลเอาไปคิด ไม่ต้องห่วงเรื่องอารมณ์ จะคุยด้วยเหตุผลตรงไปตรงมา” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทางพรรคที่เหลือเขามี 188 เสียง และ ส.ว. อีก 250 เสียง เราจะสู้ไม่ได้ เราต้องอยู่กับลุงไปอีก 4 ปี ไม่ว่าจะลุงไหนก็ตาม ถ้าไม่ยินดีกับเรื่องนี้เราก็ต้องช่วยกันหาทางแก้ปัญหา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะหารือเพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยในการประชุมพรรคร่วมฯ เลยหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เราไม่มีแผนสำรอง ซึ่งต้องจับมือ 8 พรรคร่วม ต้องมีแผนชัดเจน ไม่ใช่เลือกไปเรื่อยๆ เรารอไปถึงต้นปีหน้าไม่ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องแคนดิเดตนายกฯ เพราะเพื่อไทยมีถึง 3 คน ถ้ามีความชัดเจนเราสามารถเสนอได้ ไม่ได้คิดจะทำเรื่องนี้ก่อน อยากเสนอพิธาให้สำเร็จ แต่อยู่ที่พรรคก้าวไกลว่าจะทำอย่างไร หากที่ประชุมบอกว่าเสนอชื่อพิธาซ้ำไม่ได้ก็ต้องคุยกันทันที ความจริงเรารู้อยู่แล้ว ถ้าบอกว่าไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยก็คงโกหก แต่ตอนนี้ต้องเดินหน้าสนับสนุนพิธาก่อน ถ้าถึงเวลาที่จำเป็นถึงจะเสนอชื่อคนของเพื่อไทย ตอนนี้ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสเรื่อง ส.ว. จะไม่โหวตให้ หากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมด้วย ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ก็เอามาคิด อยู่ที่การหารือกัน โดย 8 พรรคร่วมฯ ติดกันเป็นข้าวต้มมัด หากเกินเลยจากที่ได้คุยกันไว้ก็ต้องรอดูว่าอย่างไร หลายคนบอกว่าเป็นดราม่าพระเอก-นางเอก มันไม่ใช่ อันนี้เป็นเรื่องจริง มีการเดิมพันคือปัญหาของประชาชน
“อย่าเดาใจพรรคเพื่อไทย เรามุ่งหวังให้ความต้องการประชาชนประสบความสำเร็จ เราเป็นพรรคอันดับสอง รออันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลก่อน การที่พรรคเพื่อไทยยอมทิ้งโอกาสของตัวเองมาจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยให้แข็งแรง แสดงให้เห็นแล้วว่าเราไม่ได้หวังเข้าสู่อำนาจ เราต้องการความสามัคคี เพื่อไทยให้ประชาธิปไตยประสบความสำเร็จ การออกมาพูดแบบนี้อาจมีปัญหา สร้างความไม่สบายใจให้กับใครหลายคน วันนี้อยากเห็นความเป็นจริงประสบความสำเร็จ เราไม่อยากเห็นความเชื่อทำให้เกิดเป็นความจริง แต่ต้องเอาความจริงมาคลี่คลายเพื่อทำให้ประสบความสำเร็จ อยากฝากไปให้พรรคก้าวไกลคิด” ภูมิธรรมกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถึงกระแสเรื่องการแจกกล้วยให้กับ ส.ส. ของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า อยากให้กลับไปดูคนของตัวเองให้ดีๆ ประวัติศาสตร์การเมืองก็มีมา เมื่อมีข่าวลือต้องคุยกัน โดยพรรคเพื่อไทยได้พูดคุยในหมู่แกนนำแต่ละภาคส่วนว่ามีเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เราก็รับฟังและป้องกันไม่ให้เกิด โดยต้องให้เกียรติ ส.ส. ของพรรคมากกว่า จะดูหมิ่นคนของเพื่อไทยอย่างเดียวไม่ได้ คนเรามีสติปัญญา ไม่มีใครเอากล้วยมาแจกได้ เราเชื่อมั่นใน ส.ส. ของเรา