สำนักข่าวด้านเทคโนโลยี The Verge รายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7 มิถุนายน) ว่า Apple บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้เข้าซื้อสตาร์ทอัพด้านโลกเสมือนผสาน (Augmented Reality: AR) ภายหลังจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่าง Vision Pro ไปเมื่อวันก่อนหน้า (6 มิถุนายน)
ข้อมูลการควบรวมกิจการดังกล่าวถูกเปิดเผยครั้งแรกโดย Ben Taft ประธานบริหารของ Mira ผ่านโพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว ก่อนที่จะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการในภายหลังจาก Apple
โดย Mira เป็นบริษัทด้านการพัฒนาอุปกรณ์ AR สำหรับการใช้งานในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งกรณีตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ในเครือ Mira นั้นถูกนำไปใช้ทั้งในด้านเคมีภัณฑ์, โลหะ, การผลิตอาหาร, การขุดเหมือง และความปลอดภัย
และยังรวมไปถึงการพัฒนาอุปกรณ์ด้าน AR ให้กับ Universal Studios ใน Nintendo World Theme Park อีกด้วย
Mira รายงานว่าในช่วงก่อนหน้าได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนในรอบก่อนหน้าอย่าง Blue Bear Capital และ Sequoia Capital มูลค่ารวมกว่า 17 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 600 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ไม่ได้มีการเปิดเผยถึงมูลค่าการขายกิจการในรอบนี้ให้กับ Apple ว่าเป็นเท่าใด
แต่ข้อมูลของ PrivCo ชี้ว่ามูลค่ากิจการของ Mira หลังการระดมทุนในช่วงวันที่ 29 กรกฎาคม 2020 อยู่ระหว่าง 50-100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5-3 พันล้านบาท) และยังมีข้อมูลจาก IPqwery ว่าทางบริษัทดังกล่าวถือ 14 สิทธิบัตร และอีก 8 เครื่องหมายทางการค้า
การเปิดตัว Vision Pro ของ Apple นั้นเปรียบได้กับจุดเริ่มต้นของโลกเสมือนจริงที่อาจจะมาเป็นตัวเร่งครั้งสำคัญให้กับวงการคริปโตเคอร์เรนซี สำหรับการเป็นระบบการเงินของโลกยุคใหม่เลยก็ว่าได้
โดย Vision Pro คาดว่าจะวางขายภายในปี 2024 และยังถูกยกให้เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์โลกเสมือนสำหรับผู้ใช้งานส่วนบุคคลในตลาดขณะนี้ ด้วยราคาเปิดตัวสูงถึง 3,499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 120,000 บาท
โดยก่อนหน้านี้ Oculus Meta Quest Pro จากค่าย Meta (Facebook) มีราคาเปิดตัว 1,499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 50,000 บาท ในขณะที่ HoloLens จากค่าย Microsoft ก็มีราคาเปิดตัวใกล้เคียงกันที่ 3,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 120,000 บาทเช่นกัน แต่อาจเทียบเคียงได้ยากเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ AR Headset สำหรับลูกค้าฝั่งอุตสาหกรรมเป็นหลัก
อ้างอิง: