เป็นเวลา 10 นาทีในเกมที่เอสตาดิโอ เด เมสตายา ที่เกมการแข่งขันระหว่างบาเลนเซียและเรอัล มาดริดต้องหยุดลงเป็นการชั่วคราว
ในสนามปรากฏนักฟุตบอลดาวเด่นของทีม ‘ราชันชุดขาว’ อย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ ที่กำลังเดือดดาลถึงขีดสุดและชี้นิ้วไปยังใครสักคนที่อยู่บนอัฒจันทร์หลังจากที่ได้ยินคำพูดและเห็นการกระทำบางอย่างที่เป็นการดูถูกเหยียดหยามกัน และพยายามแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ
ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่แฟนบอลคนเดียวที่พยายามทำแบบนั้นกับสตาร์ทีมชาติบราซิล เพราะมีแฟนฟุตบอล ‘โลส เช’ อีกเป็นจำนวนมากที่แสดงออกถึงการเหยียดสีผิวใส่ ‘วินิซิอุส’ แบบจงใจให้รู้
ตลอดฤดูกาล 2022/23 ‘วินิ’ เป็นนักฟุตบอลที่ถูกเหยียดสีผิวรุนแรงและบ่อยครั้งที่สุดโดยเฉพาะยามที่เรอัล มาดริดต้องออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามจากทั้งตัวเขาและคนอื่นที่เรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว
วินิ จูเนียร์ อดทนและอดกลั้นต่อเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่สุดท้ายแล้วความอดทนดังกล่าวก็ถึงขีดจำกัดจนมีการระเบิดอารมณ์ออกมาที่เมสตายา ซึ่งในช่วงท้ายเกมเขายังโดนใบแดงด้วย
เหตุการณ์ที่นำมาซึ่งคำถามสำหรับลาลีกา ในฐานะผู้จัดการแข่งขันและกำกับดูแล
พวกเขาจะปล่อยให้มีการเหยียดสีผิวแบบนี้อีกนานแค่ไหน?
สตาร์วัย 22 ปี ซึ่งเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจที่สุดในโลกคนหนึ่งแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ไม่ใช่ครั้งที่สอง และไม่ใช่ครั้งที่สามด้วย การเหยียดผิวกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในลาลีกา รายการนี้มองมันเป็นเรื่องธรรมดา สหพันธ์ฟุตบอลคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา และมันก็ยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามยิ่งได้ใจมากขึ้น
“วันนี้รายการที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรายการที่มี โรนัลดินโญ, โรนัลโด, คริสเตียโน และเมสซี ตอนนี้กลายเป็นรายการของพวกคนเหยียดผิวไปแล้ว”
เขายังออกมากล่าวอีกว่า “ถึงประเทศสเปนจะเป็นประเทศที่สวยงามและให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น แต่ตอนนี้คงต้องยอมรับแล้วว่าที่นี่กำลังติดภาพของประเทศที่มีเรื่องการเหยียดสีผิว เป็นประเทศของคนเหยียดสีผิว”
View this post on Instagram
การออกมาพูดครั้งนี้ของ วินิ จูเนียร์ เป็นการพูดกระทบที่ค่อนข้างแรง แต่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ซึ่งทำให้มีเพื่อนนักฟุตบอล รุ่นพี่ ไปจนถึงอดีตนักฟุตบอลที่ออกมาร่วมปกป้องสตาร์ชาวบราซิลที่ตกเป็นเหยื่อที่น่าเห็นใจที่สุดในยุคที่หลายประเทศพยายามกำจัดการเหยียดสีผิวไปให้พ้นจากเกมฟุตบอลที่บริสุทธิ์
คีเลียน เอ็มบัปเป อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งมีเชื้อสายแอฟริกันเช่นกันออกมาร่วมให้กำลังใจกับวินิผ่านการโพสต์บน Instagram ว่า “นายไม่ได้อยู่คนเดียว พวกเราอยู่ตรงนี้กับนาย”
เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ในทีมชาติบราซิลอย่างเนย์มาร์ที่ออกมาให้กำลังใจว่า “To Contigo” หรือ “พี่อยู่ข้างเอ็ง”
กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ยังมาจากลูลา ประธานาธิบดีบราซิลที่ออกมาร่วมปกป้อง “เด็กหนุ่มที่น่าสงสาร เราไม่ควรปล่อยให้การเหยียดผิวเข้ามายึดครองสนามฟุตบอลแบบนี้”
ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานกองหลังทีมชาติอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องให้ลาลีกา, สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ควรจะออกมาจัดการอะไรเรื่องนี้ และปกป้องนักฟุตบอลอย่างวินิไม่ให้เป็นเป้าโจมตีของทีมฝ่ายตรงข้ามแบบนี้ เพราะตลอดมาสิ่งที่เห็นคือการที่ไม่มีใครมาทำอะไรเลย ปล่อยให้นักฟุตบอลต้องตกเป็นเป้าของความเกลียดชังในแบบที่น่ารังเกียจแบบนี้
ทางด้าน จานนี อินฟานติโน ประธาน FIFA เองออกมาแสดงจุดยืนด้วยการขอยืนข้าง วินิซิอุส จูเนียร์ และยืนยันว่าจะต้องไม่มีการเหยียดสีผิวในเกมฟุตบอลหรือในสังคมอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี ทางด้านลาลีกา โดย ฆาเบียร์ เตบาส ประธานกลับออกมาตำหนิวินิ ว่าแทนที่จะออกมาตีโพยตีพายควรจะรู้จักให้ความร่วมมือกับทางการบ้าง
“ก่อนจะวิจารณ์และกล่าวหาลาลีกา เราคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณควรจะต้องแจ้งตัวเองให้ทำตัวอย่างเหมาะสมก่อน” เตบาสกล่าว
การออกมาโต้ตอบของเตบาสยิ่งเป็นเหมือนการราดน้ำมันบนกองไฟ เมื่อ วินิ จูเนียร์ ออกมาสวนกลับทันทีว่า “นี่อีกครั้งแล้วที่แทนที่คุณจะตำหนิคนที่เหยียดสีผิว แต่ประธานลาลีกากลับมาให้ความเห็นบนโซเชียลมีเดียด้วยการโจมตีผม”
ทิม วิคเกอรี ผู้สื่อข่าวที่ชำนาญฟุตบอลลาตินอเมริกา ออกมาเปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นครั้งที่ 9 แล้วที่วินิซิอุสถูกเหยียดสีผิวในระหว่างเกมการแข่งขัน โดยที่ไม่มีผลตามมาสำหรับผู้ที่ก่อเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จุดที่วิคเกอรีชี้ให้เห็นเพิ่มเติมคือแม้กระทั่งสโมสรต้นสังกัดอย่างเรอัล มาดริดก็ไม่ได้เทกแอ็กชันอย่างรวดเร็วมากพอ แทนที่จะทำตั้งแต่หลังจบเกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ก็รอให้ถึงเช้าวันจันทร์ก่อนจึงค่อยดำเนินการส่งเรื่องดำเนินคดี ‘อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง’ (Hate Crim) ทั้งๆ ที่สามารถเทกแอ็กชันได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม
และทั้งๆ ที่บราซิลกับสเปนเพิ่งจะมีการลงนามข้อตกลงกันในเรื่องของการจัดการปัญหาการเหยียดสีผิว แต่สุดท้ายวินิซิอุสก็กลายเป็นเหยื่อแค่คนเดียว และอดคิดไม่ได้ว่าเขากลายเป็น ‘ศัตรู’ อันดับหนึ่งสำหรับชาวสเปนที่ไม่ได้เชียร์ทีมเรอัล มาดริด เป็นเป้าใหญ่ที่สุดที่ใครก็สามารถเล่นงานอย่างไรก็ได้เพราะรู้ว่าจะไม่มีผลกระทบอะไรตามมา
เรื่องนี้จึงเป็นคำถามกลับไปยังคนที่กำกับดูแลอย่างลาลีกาว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ปัญหานี้ลุกลามต่อไปในแบบนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คนที่มีหน้าที่อย่างเตบาสจะต้องเป็นคนดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา หรืออย่างน้อยต้องตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดและหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ก่อน
หรือถ้ายอมปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ตามการเปิดเผยของวิคเกอรี วินิซิอุส มีโอกาส ‘พิจารณา’ ที่จะไม่อยู่กับเรอัล มาดริด แม้ว่าจะต่อสัญญาไปจนถึงปี 2027 ก็ตาม
นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดของลาลีกาในเวลานี้ ท่ามกลางการจับตามองของโลกฟุตบอลที่นาทีนี้ต้องแสดงจุดยืนที่หนักแน่นร่วมกัน
ไม่มีที่ว่างสำหรับคนเหยียดสีผิวในสนามอีกต่อไป
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/sport/2023/may/21/vinicius-junior-sent-off-for-brawl-after-alleged-racism-by-valencia-fans
- https://news.sky.com/story/real-madrid-lodges-hate-crime-complaint-after-vinicius-junior-subjected-to-racist-abuse-during-valencia-match-12886586
- https://www.goal.com/en-gb/news/not-alone-kylian-mbappe-support-vinicius-junior-racism-brazil-neymar-ronaldo-real-madrid/blt75d789784566741a
- https://www.telegraph.co.uk/football/2023/05/21/vinicius-junior-racism-valencia-spain-real-madrid/