หลังชัยชนะสุดมัน 4-3 ในเกมแรกที่เอติฮัดสเตเดียม ประตูของ ริยาด มาห์เรซ ในนาทีที่ 73 ที่สนามซานติอาโกเบอชร์นาเบว ควรจะเป็นประตูที่ส่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งที่ 2 ได้แล้ว
แต่เกมฟุตบอล ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ และเรอัล มาดริด ก็แสดงให้เห็นถึงความตายยากของพวกเขาในถ้วยที่ไม่มีใครจะเก่งเกินไปกว่าทีม ‘ราชันชุดขาว’ จากสเปน เมื่อโรดริโกทำ 2 ประตูในช่วงก่อนหมดเวลาปกติให้เรอัล มาดริด ได้โอกาสแก้ตัวในช่วงของการต่อเวลาพิเศษ
ก่อนที่ คาริม เบนเซมา จะทำประตูจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 95 ให้มาดริดพลิกเอาชนะได้ในช่วงของการต่อเวลาพิเศษ พวกเขาได้เข้าชิงชนะเลิศ (ก่อนจะคว้าแชมป์ด้วยการสยบลิเวอร์พูล) ส่วนแมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อกหักอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
วันเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว และทั้งสองฝ่ายได้โอกาสที่จะกลับมาพบกันอีกครั้ง
แน่นอน สำหรับแมนฯ ซิตี้ มันมี ‘ความหลัง’ ที่อยากจะจัดการแก้ไข
หนึ่งในคนที่พูดชัดเจนคือ โรดรี กองกลางคีย์แมนของซิตี้ ที่เรื่องอื่นอาจจะยอมให้อภัยได้ แต่สำหรับเรื่องนี้เขาถือคติว่า ถ้าคนเรามัวแต่ให้อภัย เมื่อไรจะได้แก้แค้น!
“ในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกมเลกที่ 2 เรารับมือกับมันได้อย่างไม่ถูกต้อง แต่เราก็ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ว่า ถ้ามีโอกาสต้องเชือดคู่แข่ง เราก็ต้องทำ”
แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้อยู่ระหว่างการลุ้น Treble Champ หรือการคว้าแชมป์ใหญ่ 3 รายการ ซึ่งประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และเอฟเอคัพ ในฤดูกาลเดียว ซึ่งที่ผ่านมามีแค่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทำได้เมื่อปี 1999
ภายในทีมซิตี้เองก็มีความเปลี่ยนแปลงมากมาย นักเตะหลายรายย้ายออกไป เช่น ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส ไปจนถึง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก ขณะเดียวกันก็มีนักเตะใหม่ๆ เข้ามา อย่างเช่น มานูเอล อคานจี, ฮูเลียน อัลวาเรซ ไปจนถึงคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมมากที่สุด และเป็นนักเตะที่เคยเฝ้าฝันถึงการย้ายไปเล่นในเบอร์นาบิวมาก่อนอย่าง เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์!
“เรามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง บรรยากาศในทีมมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก” โรดรียอมรับ แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับแมนฯ ซิตี้ คือเรื่องของใจ
“เราต้องสู้อีกครั้ง และเราก็มีความกระหายที่จะแก้แค้นให้ได้ ที่ผ่านมาเราทำได้ดีแล้ว และมาถึงที่นี่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเรา”
อย่างไรก็ดี สำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เขาไม่เชื่อว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้ซิตี้ผ่านด่านมาดริดไปได้คือความคิดในการแก้แค้น
“ผมว่ามันจะเป็นความผิดพลาดถ้าไปทำแบบนั้น (แก้แค้น)” เป๊ปกล่าว
“เราไม่ได้มาเพื่อแก้แค้น ปีที่แล้วเราทำทุกอย่างเกินกว่าที่เราจะทำได้แล้วเพื่อจะเข้าชิงชนะเลิศ แต่มันก็ยังไม่พอ
“บทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากครั้งนั้นคือ เราต้องพยายามเก็บผลการแข่งขันที่ดีให้ได้ พยายามเล่นให้ดี และมีโอกาสที่จะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในเกมที่ 2 ที่จะเล่นที่แมนเชสเตอร์”
แต่ในความใจเย็นของเป๊ป เขายอมรับว่าแรงกดดันจากเจ้าของสโมสรนั้นสูงขึ้น มันถึงคราวที่ซิตี้ควรจะประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้
“ผมรู้ถึงความต้องการของสโมสรของผมที่อยากจะได้แชมเปียนส์ลีก” เป๊ปยอมรับถึงเป้าหมายในใจ
ในฤดูกาลนี้ฝ่ายบริหารของสโมสรอนุมัติให้ทีมคว้าตัวกองหน้าหมายเลข 9 ที่ดีที่สุดในโลกคนปัจจุบันอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ มาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งการมาถึงของดาวยิงชาวนอร์เวย์วัย 22 ปีนั้นไม่ต่างอะไรจากการเติมจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จำเป็นสำหรับการพิชิตยุโรป
ฮาลันด์เป็นนักฟุตบอลในสไตล์กองหน้าตัวเป้าแบบธรรมชาติ ซึ่งเป็นนักเตะที่แมนฯ ซิตี้ ไม่มีมานานนับตั้งแต่ เซร์คิโอ อเกวโร โรยราและอำลาทีมไป อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่มีสไตล์การเล่นเฉพาะตัว ซึ่งหมายถึงการที่เป๊ปและทีมจำเป็นที่จะต้องมีการปรับอะไรหลายอย่าง เพื่อให้สามารถใช้งานฮาลันด์ได้อย่างดีที่สุด
เพราะถ้าฮาลันด์สามารถเล่นได้อย่างที่ควรจะเป็น ซิตี้จะมี ‘อาวุธหนัก’ ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับภารกิจพิชิตยุโรป ซึ่งบางครั้งมันไม่จำเป็นต้องการการครองเกมที่สวยงามเหนือชั้นตลอดเวลา
ฟุตบอลตัดสินกันที่ประตู ถ้ามีโอกาสและทำประตูได้ คุณก็ชนะแล้ว
ทีมที่ทำให้พวกเขาเห็นคือ มาดริด ที่ต่อให้เป็นรองยับเยินขนาดไหน แต่เมื่อมีโอกาส บรรดาแนวรุกของทีม ไม่ว่าจะเป็น เบนเซมา, วินิซิอุส จูเนียร์, เฟเดริโก วัลเวร์เด หรือ โรดริโก ต่างพร้อมที่จะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้เสมอ
แมนฯ ซิตี้ อยากจะทำให้ได้แบบนั้นเช่นกัน และขนาดยังปรับจูนกันได้ไม่เต็มที่ ฮาลันด์ก็ทำลายสถิติมากมายตลอดทางในฤดูกาลนี้ ซึ่งล่าสุดคือทำสถิติยิงประตูมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล แซงหน้าตำนานตลอดกาลอย่าง แอนดี้ โคล และ อลัน เชียเรอร์ ที่รักษาสถิติมาได้เกือบ 30 ปีเป็นที่เรียบร้อย
“เขาเป็นผู้เล่นที่อันตรายมาก” คาร์โล อันเชล็อตติ ยอมรับนับถือในตัวดาวยิงชาวนอร์เวย์ เพียงแต่ในความเห็นของยอดโค้ชที่ปราบเป๊ปมาแล้วหลายครั้งไม่ใช่เมื่อปีกลาย แต่ในปี 2014 ก็เคยนำเรอัล มาดริด สยบบาเยิร์น มิวนิก มาได้เช่นกัน แมนฯ ซิตี้ ชุดนี้ไม่ได้มีดีแค่ฮาลันด์
“การพูดถึงแค่ฮาลันด์แปลว่าเราไม่ได้พูดถึงทีมที่สมบูรณ์แบบที่เล่นฟุตบอลที่ดี ป้องกันได้ดี และเกมบุกที่ดี เราจะไม่วางแผนรับมือแค่ฮาลันด์คนเดียว แต่เราต้องหยุดทีมที่ดูเหมือนแทบจะหาทางหยุดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
แต่อันเชล็อตติก็ยังเชื่ออยู่ดีว่า พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้
ที่ซานติอาโกเบร์นาเบว ซิตี้จะแก้แค้นได้หรือถูกย้ำแค้นอีกครั้ง? ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ คือ เราจะได้เห็นการดวลกันของเหล่าสุดยอดนักเตะมากมาย ไม่ใช่แค่ฮาลันด์ vs. เบนเซมา แต่ยังมี เควิน เดอ บรอยน์, ลูกา โมดริช, โทนี โครส, โรดรี, แจ็ค กรีลิช, วินิซิอุส จูเนียร์, แบร์นาโด ซิลวา, เอดูอาร์โด กามาแวงกา, ฮูเลียน อัลวาเรซ และ โรดริโก
เรียกได้ว่าเป็นเกมในระดับคุณภาพสูงสุดของโลกของจริง
ถ้าอดนอนไหว ไม่อยากให้พลาดเลย 🙂
อ้างอิง: