วานนี้ (1 พฤษภาคม) เวลา 17.00 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, พร้อมด้วยแกนนำพรรค ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค, พล.อ. กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค, พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ และผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 8 เขตที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่จัดขึ้น ณ หอประชุมสาเกตฮอลล์ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยบรรยากาศมีประชาชนมารอรับฟังนโยบายแน่นหอประชุม และนอกหอประชุมรวมกว่า 15,000 คน พร้อมชูป้ายและส่งเสียงเชียร์เลือกเบอร์ 37 ดังตลอดการปราศรัย
พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวร้อยเอ็ดทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 8 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 8 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้
พล.อ. ประวิตรกล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน และแถมวงเงินประกันชีวิตอีก 200,000 บาท ส่วนกองทุนหมู่บ้านที่มีคนบอกว่าจะยุบทิ้ง ผมจะไม่ยุบ และจะเพิ่มให้อีกกองทุนละ 200,000 บาท
นอกจากนี้ เราจะลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันทีที่พลังประชารัฐเข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญคือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ
พล.อ. ประวิตรกล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายเพิ่มเงินในบัญชีของประชาชนอย่าง สวัสดิการผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไปจะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท รวมไปถึงนโยบาย ‘แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ’ แจกเงินคนท้องเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ ซึ่งอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญก็คือ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน ที่เราได้บริหารจัดการมากว่าสามปี และเราจะทำต่อไป เช่นเดียวกับที่ดินทำกิน ถ้ามีเราก็มีที่ดินทำกิน ไม่มีจน เราจะทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมีที่อยู่ที่อาศัย ที่ประกอบสัมมาวิชาชีพ ทั้งนี้ เราจะสนับสนุนเงินให้เกษตรกรทั่วประเทศจำนวน 30,000 บาท ทั้ง 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจนด้วย
“พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยยกระดับการขนส่งคมนาคม พัฒนาภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไประบบการศึกษาที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ด้วยนโยบายอีสานประชารัฐ และในวันที่ 1 พฤษภาคม ถือเป็นวันแรงงาน พรรค พปชร. มีเป้าหมายในการยกระดับภาคอีสานให้เป็นแหล่งงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจ เกิดแรงงานใหม่ในพื้นที่ ลูกหลานคนอีสานจะได้ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ที่อื่นหรือกรุงเทพฯ เพื่อประกอบอาชีพ เพราะเราจะผลักดันนโยบายอีสานประชารัฐฯ สู่การพัฒนา สร้างเมืองอีสานให้มีเศรษฐกิจที่สมบูรณ์ และจะเชื่อมโยงระบบขนส่งคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งการโดยสารและขนส่งสินค้า เชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ต่อไปนี้ชาวอีสานจะไม่น้อยหน้าใคร เราจะดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนที่นี่ ดังนั้นแรงงานอีสานต้องรวย มีชีวิตที่ดี มีความมั่นคง ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ”
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐเรามีสาขาภาค 4 ภาค โดยที่ภาคอีสานตั้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา นโยบายบัตรพลังประชารัฐตอนนี้ให้อยู่ใบละ 300 บาท ถ้า พล.อ. ประวิตรได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีจะได้เพิ่มเป็นใบละ 700 บาท พร้อมให้ประกันชีวิตเพิ่มอีก 200,000 บาท ถ้าอยากจะได้ทุกอย่าง วันที่ 14 พฤษภาคม การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ บัตรสีม่วงขอให้เลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐทั้ง 8 เขต ส่วนบัตรสีเขียวก็ให้กาเบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐมาบอกข่าวดีกับพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ดที่เป็นหนี้ทั้งหลาย โดยเราต้องการส่งเสริมข้าวหอมมะลิของพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด แต่จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่น่าสงสาร เพราะว่าอยู่นอกเขตชลประทานเยอะมาก ต้องอาศัยเทวดาและกรมฝนหลวงฯ ตอนที่ตนดูแลกรมฝนหลวงฯ ในหน้าดำนาต้องมาทำฝนเทียมให้กับชาวนา และพบว่าปัญหาของชาวนามี 2 เรื่องคือ เรื่องสิทธิที่ทำกิน และปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งพรรค พปชร. จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งนโยบายของ พล.อ. ประวิตรได้สั่งการให้ผมผลักดันเปลี่ยนที่ ส.ป.ก. ให้เป็นโฉนด ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล เราจะทำเรื่องนี้ทันที
“พอเราแก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ แก้ปัญหาเรื่องน้ำ เราจะมาแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว มีเกษตรกร 8 ล้านครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พรรคพลังประชารัฐหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องการดูแลกลุ่มเปราะบางกลุ่มผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไปจะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท นอกจากนี้ยังจะดูแลเรื่องราคาปุ๋ยให้ลดลงอีก 50 % นี่คือนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่สามารถจับต้องได้ไม่ต้องรอ”